จิน BTS
เเฟนทั่วโลกฮือฮา ซุปตาร์ชายหนุ่มคนนี้เตรียมตั้งบริษัทไวน์เป็นของตนเอง

เป็นหนึ่งใน สมาชิก ของ BTS สำหรับพี่ใหญ่อย่าง จิน BTS โดยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2022 เขาได้ เข้ากรมรับใช้ชาติ อย่างไรก็ตามจิน ได้รับความสนใจ จาก สื่อหลัง จากมี รายงานว่าเขา ได้ก่อตั้งโรงกลั่นไวน์ของตน รวมทั้งทำไวน์ของตน

ที่ผ่านมา จิน ได้เจอกับ เชฟแบคจงวอน ในรายการ The Drunken Truth ทางช่อง BANGTANTV และก็ได้เจอกับ พัครกดัม ผู้ที่มีความชำนาญด้านการ หมักเบียร์ เขาได้สัมผัส กับ วงการนี้ รวมทั้งชอบพอไวน์ประเทศเกาหลี หรือ มีเรียกว่า มักกอลลี

คิมซอกจิน

สื่อประเทศเกาหลีกล่าวว่า จินตั้งบริษัท

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของตน และก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการกลั่นไวน์ บริษัทนี้จะลงทะเบียนในชื่อของเขา สำหรับเอกสารตามกฎหมายจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนในระหว่างที่เขาอยู่ในกองทัพ แล้วก็เมื่อเขาเสร็จสิ้นภารกิจจากกองทัพ
ในเวลานั้นไวน์ของเขาก็บางครั้งก็อาจจะพร้อมดื่มแล้ว

พี่จิน BTS

Jin วง BTS เสร็จสิ้นการฝึกทหารเบื้องต้นแล้ว พร้อมเปิดเผยว่าเขากำลังสนุกกับการฝึกหัด

Jin พี่ใหญ่แห่งวง BTS เข้ากรมทหารรับใช้ชาติเป็นคนแรกของวงไปตั้งแต่วันที่ 13 เดือนธันวาคมปีที่แล้ว

และปัจจุบันเขาก็ได้โพสต์อัปเดตชีวิตในกรมของตนให้เหล่า ARMY ได้คลายความระลึกถึง

Jin โพสต์ภาพพร้อมเนื้อความถึงแฟนๆผ่าน Weverse หลังจากที่ใช้เวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาฝึกฝนการทหารเบื้องต้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเขาได้แชร์ทั้งภาพเซลฟีสดใสและก็ภาพที่ตัวเองยืนตัวตรงอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ รวมทั้งแน่นอนว่าไม่ลืมเลือนที่จะสวมหน้ากากอนามัย โดยเขาเขียนเนื้อความว่า

“ผมกำลังสนุกเลยครับ ผมโพสต์ภาพนี้หลังได้รับการอนุญาตจากกรมทหารแล้ว มีความสุขอยู่ตลอดและใช้ชีวิตกันดี ๆ นะ ARMY”

หลังจากที่ Jin โพสต์ภาพรวมทั้งใจความ ดังกล่าวแล้ว ชาว ARMY ทั่วโลกต่าง ก็ออกมาแสดงความเห็น กับส่งความรัก และก็กำลังใจ ให้กับ Jin ในโลกโซเชียลมีเดีย กัน อย่างล้นหลาม

โดยยิ่งไปกว่านั้นใน แพลตฟอร์ม Twitter ซึ่งที่ผ่านมาหัวข้อเรื่องการ เข้ากรมของ 7 หนุ่มวง BTS ก็เป็นที่โต้แย้งกัน มาโดย ตลอด ว่า พวกเขาสามารถ ที่จะ รับใช้ชาติ ในรูปแบบอื่นที่ ไม่ใช่การเกณฑ์ทหารได้บ้าง หรือไม่ และหลังจากที่ได้รับ การผ่อนผันมายาวนานหลายปี ในที่สุด Jin ในวัย 30 ปี ก็ต้องเข้ากรมรับใช้ชาติ อย่างเป็นทางการ เป็นคนแรกของวง โดยเขาได้ ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยครู ที่ กองทัพยอนชอน แห่งเมืองคยองกี ประเทศเกาหลีใต้

JIN Worldwide handsome

จิน พี่ใหญ่แห่ง BTS พี่ใหญ่ผู้ครอบครองฉายา Worldwide handsome

ที่มากด้วยความสามารถแล้วก็เสน่ห์เหลือแหล่

  • จิน พี่ใหญ่แห่ง BTS คิม ซอกจิน (เกาหลี: 김석진; เกิด 4 ธันวาคม ค.ศ. 1992)
  • มีชื่อในวงการว่า จิน (JIN) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้
  • เขาเป็นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดของบอยแบนด์เกาหลีใต้ BTS เขาเข้าร่วมกลุ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2013
  • จินได้ร่วมเขียนเพลงแล้วก็ปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวในนามวง BTS อาทิเช่น เพลง” Awake ” (2016), ” Epiphany ” (2018) แล้วก็ ” Moon ” (2020) นอกเหนือจากนั้น
  • เขายังเป็นผู้ออกแบบตัวละคร RJ ตัวละครในกลุ่ม BT21 ของ Line Friends
  • เขาอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในบันกีดง(Bangi – dong), ซงพากู (Songpa – gu) แล้วก็ โซล (Seoul) เป็นลำดับ
  • ครอบครัวประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย แล้วก็จิน
  • ในสมัยมัธยมเขาเคย ถูกทาบทามให้เข้าร่วม กับ สังกัดเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่เขาปฏิเสธเนื่องจากว่าคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ
  • จินมีความต้องการที่จะเป็นนักแสดงทำให้เขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยคอนกุก (Konkuk University) สาขาวิชาภาพยนตร์ ต่อมาหลังเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจึงได้ถูกบิกฮิตเอนเตอร์เทนเมนต์ทาบทามเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิ
แบมแบม Got7
แบมแบม รับเคยต้องการออกมาจากวงการหลังหมดสัญญาJYP

แบมแบม Got7 ได้มาเป็นแขกรับชวนในรายการทอล์คโชว์ ‘Radio Star’ ของช่อง MBC

ในขณะที่กล่าวคุยกัน พิธีกรได้กล่าวถึง แบมแบม

ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
หลังจากที่เขาเผยตัวในรายการออกเดท ‘Transit Love 2′ ของ TVING ที่ออกอากาศเมื่อปีที่แล้ว

BamBamเข้าร่วมครั้งแรกในฐานะพิธีกรพิเศษ แต่จากนั้นเขาก็กลายเป็นพิธีกรถาวรในรายการ ‘Transit Love 2′
หลังจากที่ความสามารถการแสดงข้อคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาและตลกขบขันของเขากลายเป็นที่พูดถึงบนอินเทอร์เน็ต

แบมแบม

BamBam กล่าวว่า

“ผมรู้สึกขอบคุณมากครับ ขอบคุณรายการ ‘Transit Love 2′ ตอนนี้ผมถูกเรียกตัวจากหลายที่ในเกาหลี ผมรู้สึกราวกับว่าผมเกิดใหม่ อีกครั้งหลังจากรายการ ‘Transit Love 2′ ครับ พูดตามตรงนะ ผมรู้สึกเหมือนผมหมดสิ้นกับวงการนี้แล้วหลังจากหมดสัญญากับค่าย JYP Entertainment ครับ ผมแค่เบื่อกับการพยายามอีกต่อไป คุณรู้ไหมครับ ผมค่อนข้างได้รับการยอมรับ นอกประเทศเกาหลีใต้แต่ดูเหมือนไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใครในประเทศเกาหลีครับ

ผมเฝ้าถามตัวเองว่า มีปัญหาอะไร ทำอย่างไรผมถึงจะได้รับการยอมรับที่นี่แม้ว่าผมจะพยายามอย่างหนักก็ตาม’ ผมรู้สึกผิดหวังมากเกี่ยวกับเรื่องนั้นครับ ผมคิดจริงๆ ว่าจะเลิกทุกอย่างในตอนนั้นครับ และนั่นคือตอนที่ค่ายหนึ่งติดต่อผม พวกเขาโทรหาผมประมาณ 5 ครั้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมเซ็นสัญญากับพวกเขาครับ แต่ผมปฏิเสธพวกเขาทุกครั้งครับ

ในระหว่างการสนทนาครั้งที่ 6 ของเรา พวกเขาพูดกับผมว่า ‘คุณเดบิวต์ในเกาหลี แต่คุณยังไม่เป็นที่รู้จักในเกาหลีมากนัก ไม่รู้สึกเศร้าเหรอ? .’ ราวกับว่าพวกเขาอ่านใจผมออกเพราะค่ายอื่นๆ พยายามใช้ผมเพื่อขยายตัวเองไปยังประเทศต่างๆนอกจากประเทศเกาหลี ดูเหมือนค่ายปัจจุบันของผมจะรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมเลยพูดว่า ‘โอเคครับ ผมจะลองดูซักครั้งครับ’

ผมบอกพวกเขาว่า ‘ถ้าผมพยายามมาสักปีหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ ผมก็จะลาออกจากวงการนี้ครับ’ แต่ต้องขอบคุณที่รายการ ‘Transit Love 2′ ทำได้ดีมาก และผมสามารถแสดงชื่อของตัวเองได้ ผมขอบคุณต้นสังกัดและรายการ ‘Transit Love 2′ ครับ สำหรับเรื่องนั้น”

แบมแบม วงGot7

ประวัติ “BamBam” ชายหนุ่มหล่อก็อตเซเวน ดีกรีเรียนเก่งเกรดระดับ 3.24

เรียกว่าเป็นชายหนุ่มไทยสุดคูลที่ไปสร้างชื่อที่ประเทศเกาหลีและก็ระดับโลกเลยทีเดียว
สำหรับ แบมแบม กันต์พิมุกต์ หรือ BamBam Got7 หนุ่มหน้าใสที่เด่นทั้งยังการร้องแล้วก็เต้น หนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ ก็อตเซเวน
ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องงานบันเทิงเพียงแค่อย่างเดียว แต่งเรื่องเรียนเขาก็ไม่ทิ้ง และก็ที่สำคัญเขายังทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

ประวัติBamBam
มีชื่อจริงว่า กันต์พิมุกต์ ภูวกุล
เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2540
รู้จักกันในชื่อBamBam ก็อตเซเวน
ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพมหานคร
ศึกษาที่โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
จบการศึกษาระดับมัธยมจาก การศึกษานอกระบบ (กศน.)
IG : bambam1a

BamBamเกิดในครอบครัวที่มีพี่น้อง 4 คน

เขาเป็นลูกคนที่สาม มีพี่ชาย 2 คน รวมทั้ง น้องสาว 1 คน สมัยที่เขายังเด็กนั้นเขารู้สึกชื่นชอบแล้วก็หลงใหลวัฒนธรรม K-Pop เป็นอย่างมาก และเต้นคัฟเวอร์ศิลปินเกาหลีมาตั้งแต่เป็นเด็ก
โดยเขาเคยเข้าประกวด Rain Cover Dance In Thailand ในตอนที่เขาอายุได้ 10 ปี และก็คว้าตำแหน่งรางวัลอันดับ 2 มาแล้ว
โดยในเวลานั้นเขาเป็นสมาชิกทีม WE ZAA COOL ทีมี ลิซ่า BLACKPINK เป็นหนึ่งในทีมด้วย

แบมแบม กันต์พิมุกต์

หลังจากนั้น แบมแบม ก็ได้เข้ารับการเป็นเด็กฝึกหัด

ใน ค่ายเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นเวลาสามปีครึ่ง ก่อนที่ จะเปิดตัว เป็น 1 ในสมาชิก วงก็อตเซเวน ซึ่ง เป็นวงบอยแบนด์ ที่ ได้รับความชื่นชอบ ทั้ง ใน ประเทศเกาหลี แล้วก็ระดับโลก เหตุเพราะ BamBam เป็นศิลปิน ที่ ทำงาน ในประเทศเกาหลี แต่เขาก็ไม่ทิ้งเรื่องการเรียน โดยเขาศึกษาการศึกษานอกระบบ (กศน.) รวมทั้งจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.24 ส่วนตัวBamBam กล่าวได้ถึง 3 ภาษา คือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และก็ภาษาเกาหลี รวมทั้งมีผลงานทั้งประเทศไทย แล้วก็ ประเทศเกาหลี

BI
B.I (บีไอ) พร้อมกลับมามอบความสนุก เปิดฉากเอเชียทัวร์ใน “ไทย” เป็นที่แรก ปักหมุดเจอกัน 4 มี.ค. นี้!

ชายหนุ่มหล่อเก่ง ดีกรีโปรดิวเซอร์แห่งวงการ K-POP อย่าง บีไอ (B.I) หรือ คิมฮันบิน จัดเตรียมบินลัดฟ้ากลับมามอบความสนุกให้กับเหล่าไอดีไทยอีกรอบ! พร้อมเปิดฉากจัดเอเชียทัวร์ใน “ไทย” เป็นที่แรก ในงาน B.I 2023 ASIA TOUR “L.O.L THE HIDDEN STAGE” คอนเฟิร์มมาแน่ 4 มีนาคมนี้

บีไอ

โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม ทาง บีไอ (B.I) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ

พร้อมปล่อยภาพโปสเตอร์เอเชียทัวร์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023
ซึ่งได้รับการรับรองทั้งหมด 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย รวมทั้ง สิงคโปร์ ตามลำดับ ดังต่อไปนี้

4 มีนาคม – กรุงเทพฯ ประเทศไทย
5 มีนาคม – มะนิลา ฟิลิปปินส์
10 มีนาคม – จาการ์ตา อินโดนีเซีย
19 มีนาคม – สิงคโปร์

สำหรับงานในประเทศไทย ได้มีการเจาะจงวันและสถานที่จัดงาน

ว่างานจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวจากทางโซเชียลเน็ตเวิร์คของผู้จัด Four One One Entertainment (โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ซึ่งคาดว่าเนื้อหาต่าง ๆ จะถูกประกาศออกมาให้ได้รู้กันในเร็ว ๆ นี้

บีไอ นับว่าเป็นศิลปิน K-POP มากความสามารถ

ที่น่าจับตามอง อีกทั้งเจ้าตัวยังพิสูจน์ความชำนาญต่าง ๆ พวกนี้ ผ่านการโปรดิวซ์เพลงอันโดดเด่น และก็เคยคว้ารางวัล นักแต่งเพลงแห่งปีจากงาน Melon Music Awards 2018 ซึ่งนับเป็นเครื่องการันตีฝีมืออันเยี่ยม ทั้งยังสไตล์การแร็ปแล้วก็การร้องเพลงยังเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว

ในปีที่ผ่านมา บีไอ ได้ปล่อยผลงานเพลง ‘BTBT’ ที่ฟีทเจอริ่งกับ Soulja Boy แล้วก็ Devita รวมทั้งร่วมงานกับ ชู LOONA ในซิงเกิลคอลแลป ‘Lullaby’ ในโปรเจกต์พิเศษของ Dingo Music

ฟ้าหลังฝน! ย้อนรอยชีวิตเกือบตรงลงเหวของ B.I กับเส้นทางใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

วันที่ 9 มิถุนายน 2019 ข่าวร้ายข่าวด่วนตีแสกหน้าค่ายดังอย่าง YG กระเทือนศิลปินไอดอลวง iKON และผ่าลงกลางศีรษะของ ‘B.I’ หรือ ‘Kim Hanbin’ หนึ่งในสมาชิกของวงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อรายละเอียดในเนื้อหาที่สื่อ Dispatch เสนอกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานระบุว่าตัวบีไอนั้นเคยติดต่อขอซื้อยาเสพติดกับผู้ค้ายารายหนึ่งมาก่อนในช่วงปี 2016

มรสุมลูกใหญ่ในวัย 23 ปี

ระหว่างการซักถามให้คำให้การและอีกหลายกระบวนการฟ้องยุติธรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายกันไปใหญ่กว่านี้ ในวันที่ 12 มิถุนายน บีไอตัดสินใจยืดอกยอมรับในสิ่งที่ตัวเขากล่าวว่า “ไม่ได้ทำ” อย่างลูกผู้ชาย แล้วก็กล่าวถึงอดีตของตัวเองด้วยความรู้สึกขมปากว่า “เป็นความจริงที่ผมเคยคิดจะพึ่งพิงมันในช่วงเวลานั้นที่ผมมีปัญหาและก็เจ็บปวด แต่สุดท้ายแล้วผมก็กลัวแล้วก็กังวลมากจึงไม่ได้ใช้มัน ผมทราบสึกละอายใจแล้วก็สำนึกผิดในการกระทำที่ผิดพลาด ผมจึงขอถอนตัวออกมาจากวงแล้วก็อยากจะขอโทษแฟน ๆ รวมทั้งสมาชิกในวงจากใจจริง”
จุดเริ่มแรกของรอยร้าวในชีวิตเกิดขึ้นเพียงด้วยเหตุว่าความคิดชั่ววูบในเวลานั้น บีไออาจหลงลืมไปว่า มันจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงตามมาให้ต้องเรียนผูกและเรียนแก้ด้วยตัวเอง

ด้วยความรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมวงและกลัวว่า ปัญหานี้จะกลายเป็นเครื่องฉุดรั้งให้วงต้องเสียชื่อเสียง แล้วก็ทำให้แฟน ๆ อย่างไอคอนิกต้องผิดหวังที่เขาไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ บีไอเลือกหันหลังให้กับวงไอคอนและก็ค่ายวายจี เขาหลบจากแสงสีถอยหลังเข้าสู่เงามืดอย่างเร็วเพื่อจัดการปัญหาที่ยังคงคาราคาซังอยู่ ซึ่งแม้ผลตรวจหาสารเสพติดจากทางสำนักงานอัยการแล้วก็จากทางค่ายจะออกมาว่าเป็นลบ หากวายจีเองก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่าเคารพการตัดสินใจการลาออกของไอดอลหนุ่มโดยไม่พยายามที่จะยื้อเขาไว้แต่อย่างใด

ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ระดับผิดกฎหมายคำว่าขอโทษคงไม่เพียงพอ ไฟไหม้ที่ว่าดันโหมกระพือกลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อมือดีชาวโซเชียลขุดรากถอนโคนเรื่องราวนี้ออกมาอีกทั้งยวงพร้อมประจานไม่ยั้งว่าประธานค่าย ‘ยางฮยอนซอก’ มีส่วนเอี่ยวด้วยแบบเต็มประตู เมื่อย้อนไปปี 2016 ‘ฮันซอฮี’ หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นอดีตเด็กฝึกจากค่ายวายจีกลับคำให้การหลังการเข้าพบของบิ๊กบอสจากค่าย ว่าจริง ๆ แล้วบีไอไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายยาเสพติด ทำเอาใครผู้คนจำนวนมากวิพากษ์ไปว่านี่อาจเป็นการปิดปากเพื่อไม่ให้เธอคนนั้นพูดถึงศิลปินในค่ายของเขาเสีย ๆ หาย ๆ บังเอิญกับที่ช่วงนั้นป๋ายางเองโดนกระแสลบตีกลับในหลายเรื่อง ทั้งการโดนกล่าวกล่าวหามีส่วนร่วมในกระบวนการค้าประเวณีร่วมกับศิลปินในค่ายอย่าง ‘ซึงรี’ ซึ่งเดี๋ยวนี้ติดคุกไปแล้ว แล้วก็ไหนจะเรื่องคลับในย่านฮงแดที่เขาเป็นเจ้าของนั้นมีการสอบสวนเรื่องการเลี่ยงภาษีรวมทั้งจดทะเบียนการค้าผิดรูปแบบ สุดท้ายต้องรับผิดชอบทั้งหมดด้วยการทิ้งเก้าอี้ผู้บริหารรวมทั้งลาออกไป ค่ายวายจีจึงก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างไม่กระจ่าง

คิมฮันบิน

ในวันที่ iKON ไร้เงาหัวหน้าวง

หากไม่นับ Blackpink ที่ยังคงทำรายได้มหาศาลรวมทั้งสร้างชื่อเสียงให้พุ่งทะยานไปถึงฝั่งตะวันตกแล้ว วงอื่นกลับถูกทิ้งจนกระทั่งลืมตามฉายาที่ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่า “วายจีชอบดองเด็กในสังกัด” ยิ่งไอคอนเองก็เรียกว่ารับศึกหนักแบบเต็ม ๆ ด้วยเหมือนกัน ในวันที่วงไร้เงาหัวหน้าอย่างบีไอผู้เป็นเรี่ยวแรงมหาศาลที่ทำหน้าที่ทั้งแต่งเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบท่าเต้น และก็ร้องแร๊ปให้กับวง การดำเนินต่อของไอคอนก็เรียกว่าเสมือนเป็นอัมพฤกษ์ไปตอนหนึ่ง แม้ตอนต้นปี 2020 วงจะมีการคัมแบ๊กปล่อยเพลงออกมา
แต่ก็เรียกได้ว่าผิดหวัง ชาร์ตเพลงหล่นลดลงอย่างเร็ว เหตุเพราะแฟน ๆ ส่วนหนึ่งทำใจไม่ได้ที่วงยังดึงดันใช้เพลงที่บีไอทำเอาไว้ในการโปรโมต ถึงแม้ทางค่ายจะมีการปรับเปลี่ยนเมโลดี้และเนื้อเพลงบางส่วนและก็ตาม แล้วก็หากแม้ตัวบีไอจะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากวงไปแล้ว แต่แฟนคลับบางส่วนก็ยังไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นพากันหันหลังโบกมือลาวงไอคอนไปหลายท่าน

แต่แสงสว่างมักปรากฏที่ปลายอุโมงค์เสมอ เมื่อค่ายยอมให้วงไปออกรายการแข่งขันอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความสามารถของอีก 6 หนุ่มที่หลงเหลืออยู่อย่างวาไรตี้ ‘Kingdom’ รายการที่จับเอาวงบอยแบนด์หลายวงมาแข่งกันหาสุดยอดไอดอลในตอนต้นปี 2021 และแม้วงจะชวดรางวัลที่หนึ่งไปแต่ก็พิสูจน์ให้แฟน ๆ แล้วก็วงการเคป๊อปได้มีความเห็นว่า ไอคอนมีเพลงดังมากมายที่ฝังอยู่ในใจทุกคน และก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นไอคอนแห่งเคป๊อปได้ในที่สุด ซึ่งหลังจากนี้แฟนคลับไอคอนิกคงต้องมาตามลุ้นกันว่ากล่าวเส้นทางของวงจะเดินไปในรูปแบบไหน เพราะล่าสุดอีกหนึ่งสมาชิกตำแหน่งร้องแร๊ปอย่าง ‘Bobby’ เองก็เพิ่งจะประกาศข่าวดีเรื่องการแต่งงานและมีเบบี๋ตัวน้อยไปแล้วด้วย

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

ย้ายกลับมาที่บีไอเองถึงแม้ดูราวกับหนทางชีวิตจะขรุขระและเงียบหายไปจากวงการสักพัก ถ้าความรักในดนตรีและการร้องเพลงยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้กับเขาเสมอ บีไอยังคงขีดเขียนเพลงรวมทั้งปล่อยเดโม่ของตัวเองใน Soundcloud เป็นระยะ ๆ ถ้านอกจากไปกว่าข่าวเกี่ยวพันด้านลบที่เขาต้องเจอ บีไอกลับได้รับการเสนอชื่อให้นั่งแท่นเป็นกรรมการบริษัท IOK Company สังกัดที่เต็มไปด้วยคนบันเทิงตั้งแต่นักร้อง นักแสดง รวมทั้งพิธีกรอีกหลายสิบชีวิต นี่เป็นค่ายดังที่คนภายในประเทศรู้จักกันดีว่าชอบปัดกวาดคนบันเทิงที่มีความสามารถมานั่งแท่นบริหารองค์กรด้วยกันทั้งสิ้น และก็แน่นอนว่าเขาตอบตกลงตำแหน่งนี้เพื่อเริ่มอีกหนึ่งบทบาทของตน รวมทั้งเป็นการเปิดประตูก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องอีกครั้ง

ชีวิตบีไอไต่ขึ้นจากเหวลึกตามลำดับและฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความสามารถแล้วก็สองแขนของเขา ยังมีเพื่อนรุ่นพี่อย่างวง ‘Epik High’ ที่ยังคงมั่นใจรวมทั้งชื่นชมในความสามารถของเขาได้ชวนให้มาร่วมงานในเพลง ‘Acceptance Speech’ ที่ปล่อยออกไปในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2021 โดยไม่สนใจว่าจะมีกระแสตีกลับหรือไม่ เนื่องจากว่าศิลปินด้วยกันเองทราบกันดีถึงความสามารถอันพราวแพรวของเขา ซึ่งบีไอถือเป็นไอดอลรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมในความสามารถจากการเป็นไอดอลคนแรกที่ชนะรางวัลแต่งเพลงเยี่ยมที่สุดจาก Melon Music Awards ในปี 2018 รวมทั้งยังได้รับเครดิตในฐานะนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์อีกมากมายจากค่ายเก่าอย่างวายจีอีกด้วย

แล้วต่อจากนั้นไม่นานนักเขาเดินหน้าปล่อยซิงเกิ้ล

อัลบั้ม ‘Midnight Blue (Love Streaming)’ เป็นอัลบั้มเพื่อการบุญกุศลภายใต้ค่าย 131 Label ที่บีไอเป็นผู้ก่อตั้งรวมทั้งเป็นสังกัดย่อยของ IOK Music กระแสของชายหนุ่มคนนี้เริ่มกลับมาอีกที เมื่อ 3 เพลงในอัลบั้มบอกความหมายที่ลึกซึ้งแล้วก็ต้องการปลอบใจความเหนื่อยอ่อนล้าให้กับตนเองรวมทั้งแฟน ๆ
ข้อความที่จริงใจที่สุดส่งต่อถึงคนที่กำลังผ่านตอนเวลาที่ยากลำบาก สะท้อนความเข้าใจ รวมทั้งเข้าถึงคนฟังได้ลึกถึงส่วนลึกของความนึกคิด

ต่อด้วยการเชิญชวนศิลปินฝั่งตะวันตกอย่าง ‘Destiny Rogers’ และก็ ‘Tyla Yaweh’ มาร่วมงานในซิงเกิ้ลใหม่ แสงสว่างเริ่มสาดชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบีไอเดินหน้าปล่อยอัลบั้มเต็มทั้งหมด 12 เพลงในชื่อว่า ‘Waterfall’ ที่ยังขอแรงเพื่อนสนิทจากค่ายเก่าอย่างนักร้องพลังเสียง ‘Lee Hi’ และรุ่นพี่คนสนิทอย่าง ‘Tablo’ มาร่วมงานในอัลบั้มนี้อีกด้วย การกลับมาคราวนี้บีไอเปลี่ยนไป เขาอ่อนโยนและก็สงบมากขึ้นยามออกกล้อง ถ้าความเป็นศิลปินอย่างสุดกำลังยังฉายชัดถึงแพชชั่นที่มี สไตล์เพลงที่เปลี่ยนไปมีการผสมผสานแนวป๊อปฟังสบาย และความเป็นโซลเข้ามาเติมเต็ม ถือเป็นการก้าวออกจากกรอบเพลงที่เรียกว่าเคป๊อปได้อย่างสิ้นเชิง

บทเรียนราคาแพงที่แลกมาด้วยดูเหมือนจะทุกอย่าง ชีวิต เกียรติศักดิ์ อนาคต และก็ความฝัน สอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับบีไอแล้วเขาก็เลยไม่ใช่แค่ไอดอล แต่เขาคือตัวอย่างของชีวิตที่มีจังหวะขึ้นและลง ถ้าสิ่งที่สำคัญคือ ความฝันแล้วก็ความไม่ยอมแพ้ที่จะฉุดตัวเองขึ้นจากปากเหวได้อีกรอบ อาจไม่จำเป็นว่าล้มเมื่อไหร่ แต่ลุกได้เร็วขนาดไหนเป็นคำตอบของการใช้ชีวิตต่างหาก และจากนี้พวกเรามั่นใจว่าเส้นทางชีวิตของเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นสู่ยอดเขาอีกรอบ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรวงการเคป๊อปนี้ก็ยังต้องการคนเก่งอย่างผู้ชายที่ชื่อว่า “บีไอ” อยู่แล้ว

คิมยองแด
เกิดอะไรขึ้น!? ซุปตาร์เกาหลีดังถูกยกเลิกงงานในประเทศไทย

ก่อนหน้าที่ผ่านมามีแถลงการณ์ว่า นักแสดงชายดังดินแดนกิมจิ “คิมยองแด” Kim Youngdae เริ่มจะมีงานมีตติ้งของพบปะสนทนาแฟน ๆ ชาวไทย กับงาน ‘FLY.OUNGDAE FALL IN LOVE YOUNGDAE THAILAND’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์นี้

แต่ปัจจุบันไม่เคยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!? เมื่อทาง The DND ผู้จัดงานแฟนมีตติ้งของ คิมยองแด ในประเทศไทยออกมาประกาศงานนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่า …เพราะเหตุว่าสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แล้วก็จะแจ้งระบุการใหม่ให้ทราบโดยเร็วที่สุด…

พระเอกดังคิมยองแด

พระเอกดังแดนกิมจิ

ด้านแฟนคลับได้แสดงความเห็นว่า บางทีอาจจะเนื่องจากฟีดแบคตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรจะ เนื่องจากว่าขายบัตรได้ไม่ถึง 10% ของงาน

ตามเก็บ 3 ผลงานเด็ดของ คิมยองแด (Kim Young-dae)

When the Weather Is Fine (2020)
ซีรีส์ ความยาว 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
ช่องทางรับชม WeTV

ใครอยากสัมผัสบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ขอให้พุ่งไปเรื่องนี้ มกแฮวอน (สวมบทโดย พัคมินยอง) คุณครูสอนเชลโล่ในกรุงโซลที่พบกับปัญหารายล้อมรอบด้านทำให้คุณรู้สึกเมื่อยล้า หมดไฟ ไร้เรี่ยวแรงจะตื่นไปทำงาน ขณะที่ฤดูหนาวกำลังมาเยี่ยมยิ่งทำให้ความรู้สึกของมกแฮวอนดิ่งลงเหว เธอจึงเริ่มเดินทางไปยัง หมู่บ้านบุคฮยอน จังหวัดคังวอน สถานที่ซึ่งเป็นบ้านเกิด เพื่อพักกายและฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาดีดังเดิมก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง

ขณะดำรงชีวิตยังบ้านเกิด มกแฮวอนได้เจอกับ อิมอึนซอบ (สวมบทโดย ซอคังจุน) ผู้ชายเถ้าแก่หนังสือ Goodnight ผู้ที่ข้างนอกดูเย็นชาแต่ภายในกลับอบอุ่นเช่นเดียวกันกับเตาผิง ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นผ่านการทำกิจกรรมเรียบง่ายอย่างการอ่านหนังสือและก็จิบกาแฟ ความสนิทสนมเริ่มก่อตัวกลายเป็นความรักท่ามกลางหิมะที่ยังคงกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดฤดูหนาวมีเพื่อนเก่าวัยเด็กแวะเวียนมาหาพวกเขาอยู่หลายครั้ง รวมทั้งหนึ่งในนั้นเป็น โอยองอู (รับบทโดย คิมยองแด) ผู้ชายที่เคยหลงเสน่ห์มกแฮวอนตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย

เป็นซีรีส์ที่สื่อถึงการหาความสุขรอบตัวที่เรียบง่าย บรรยายวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดล้อไปกับบรรยากาศหิมะตกตลอดทั้งเรื่องชวนให้หนาวถึงขั้วหัวใจ แต่เมื่อพระนางอยู่ด้วกันทีไรเสมือนหิมะละลายลงในทันตา ตัวละครชาวบ้านในหมู่บ้านบุคฮยอนยังสร้างสีสันเพิ่มความอบอุ่นให้ทุกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ยิ่งเรื่องนี้นำนิยายมีชื่อเสียงมาร้อยเรียงเป็นละครก็เลยเต็มไปด้วยประโยคสนทนาที่คมคายกินใจ ดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบช้าแต่กระทบความรู้สึกเกือบทุกซีน ใครเป็นคอซีรีส์ชีวิตแอบแฝงปรัชญาอย่าง My Mister (2018) หรือ My Liberation Notes (2022) เชื่อว่าเรื่องนี้คงจะตอบปัญหาอย่างเดียวกัน

แม้เรื่องนี้คิมยองแดจะไม่ใช่นักแสดงหลัก แต่ช่วงหนึ่งของซีรีส์เขากลับมีบทบาทสำคัญต่อเรื่องราวอยู่ไม่น้อยทีเดียว ต้องเป็นอีกทั้งเด็กนักเรียนวัยมัธยมแล้วก็วัยผู้ใหญ่ ทำให้ได้เห็นอีกทั้งพาร์ทที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนมอปลาย ลักษณะท่าทางเป็นผู้นำกลุ่มอันธาลที่เพื่อนร่วมโรงเรียนไม่กล้าหือ ขณะที่พาร์ทผู้ใหญ่กลับเงียบเฉยรวมทั้งนอบน้อมมากขึ้น ถึงจะเผยตัวไม่บ่อยแต่การแสดงที่พัฒนาขึ้นทำให้ดูแล้วยังจำหนุ่มคนนี้ได้เป็นอย่างดี

The Penthouse: War in Life – เกมแค้นระฟ้า (2020-2021) คิมยองแด

ซีรีส์ 3 ซีซั่น ความยาว 48 ตอน ตอนละประมาณ 80 นาที
ช่องทางรับชม NETFLIX / WeTV / VIU (มีพากษ์ไทย)

สายดราม่าบาดใจเชิญชวนทางนี้ เปิดชีวิตเหล่าไฮโซในตึกหรูที่สุดของกรุงโซลอย่าง เฮราพาเลซ ศูนย์กลางแห่งความคลั่งไคล้มัวเมาในอำนาจรวมทั้งเงินตราที่ซึ่งกฎเกณฑ์ทางด้านศีลธรรมถูกละเว้นเพื่อพวกเขาได้สนองกิเลสตัณหาอย่างไม่สิ้นสุด เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อตึกแห่งนี้ได้เกิดเหตุฆาตกรรมเด็กสาวนามว่า มินซอลอา (รับบทโดย โชซูมิน) นำมาซึ่งมหากาพย์แห่งการแก้แค้นแล้วก็ความเชื่อมโยงอันสลับซับซ้อนเกินคาดเดา

การเสียชีวิตของมินซอลอาเป็นจุดเริ่มแรกของเรื่องราวทั้งหมด มหกรรมเปิดโปงความลับของผู้คนในตึกแห่งนี้ได้นำพาพวกเขาให้เข้ามาพันพัวกับเหตุการณ์โจษจันที่ยิ่งขุดยิ่งเน่าจนเกินเยียวยา โดยเฉพาะเจ้าแห่งแวดวงอสังหาริมทรัพย์อย่าง จูดันแท (รับบทโดย ออมกีจุน) ชิมซูรยอน (เล่นบทโดย อีจีอา) ภรรยาผู้เต็มไปด้วยบาดแผลจากเหตุฆาตกรรมดังกล่าว ทั้งยังยังสาวไส้ไปถึงนักร้องโซปราโน่ชื่อดังอย่าง ชอนซอจิน (สวมบทบาทโดย คิมโซฮยอน) รวมไปถึงตัวแทนของชนชั้นกลางอย่าง โอยุนฮี (สวมบทบาทโดย ยูจีน) หญิงสาวผู้ปรารถนาที่จะยกระดับชีวิตตนเองก็เลยก้าวเข้ามายังตึกระฟ้าแห่งนี้ด้วยพนันบางอย่าง

เป็นซีรีส์ดราม่าที่อาจไม่มีใครไม่ทราบเนื่องจาก

ชื่อกระฉ่อนทั้งยังในแล้วก็นอกประเทศเกาหลี เดินเรื่องโดยใช้เกมล้างแค้นนำทางตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนาทีสุดท้าย ระหว่างทางขยันแกงคนดูด้วยการสรรหาสารพัดกลเม็ดเด็ดพรายมาพลิกแพลงจนคาดเดาไม่ได้ หลายท่านให้คำอธิบายศัพท์เรื่องนี้ว่า ศูนย์รวมความประสาทแ_กชั้นยอดเยี่ยม ลากเนื้อเรื่องยาวมาถึงสามซีซั่นชนิดที่ความชื่นชอบไม่เคยแผ่วแถมยังมีความแปลกใหม่มาให้ได้ร้องว้าวกันตลอด
เว้นแต่การต่อสู้บาดใจแล้วยังเสียดสีสังคมด้วยการเปิดเผยหลักสำคัญชนชั้น การศึกษา แล้วก็ระบบยุติธรรมเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง เนื้อหาเข้มข้นตั้งแต่รุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูก ใครกำลังมองหาซีรีส์ที่ดูแล้วสะใจจนตบเข่าฉาด บอกเลยห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

เรื่องนี้คิมยองแดมีช่องทางสวมบทเป็นผู้เรียนมัธยมศึกษาตอนปลายอีกรอบในตัวละครที่ชื่อว่า จูซอกฮุน ลูกชายคนโตของจูดันแท ถือเป็นผลงานที่แฟนชาวไทยเองได้ทำความรู้จักชายหนุ่มคนนี้อย่างเป็นทางการและให้การต้อนรับในโลกโซเชียลกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ด้วยการถ่ายทอดบุคลิกวัยรุ่นที่มีความเก็บกดจากการกระทำของพ่อแม่ จึงกลายเป็นคนนิ่งเงียบแต่ฉลาดหลักแหลมและก็เฉลียวฉลาด ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องเปิดโอกาสให้คิมยองแดได้พัฒนาความชำนาญทางการแสดงจนกระทั่งทุกวันนี้ได้ก้าวขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวไปเป็นที่เรียบร้อย

Kim Youngdae
Shooting Star (2022)

ซีรีส์ ความยาว 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
ช่องทางรับดู VIU / iQIYI / WeTV

ส่งท้ายกันด้วยผลงานล่าสุดกับการเป็นพระเอกเต็มตัวทีแรกหลังจากวนเวียนเป็นนักแสดงสมทบมาพอเหมาะ พาทุกคนไปซอกแซกเบื้องหลังการทำงานของมนุษย์ในค่ายบันเทิงอีกทั้งผู้บริหาร ผู้จัดการดารา แล้วก็หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์อย่าง โอฮันบยอล (รับบทโดย อีซองคยอง) ประชาสัมพันธ์สาวผู้ต้องสู้ต่อกรกับทุกอุปสรรครอบด้านเพื่อดูแลภาพลักษณ์ศิลปินในสังกัดให้เฉิดฉันมากที่สุด เธอทำงานชนิดขายวิญญาณตลอด 24 ชั่วโมงจนแทบจะไม่เหลือเวลาให้ใช้กับเรื่องส่วนตัว

ยุ่งเหยิงหัวฟูจากภาระงานรายวันยังไม่พอ โอฮันบยอลยังต้องต่อกรกับ กงแทซอง (รับบทโดย คิมยองแด) ซูเปอร์สตาร์ระดับเอลิสต์ขวัญใจแฟน ๆ ทั่วทั้งประเทศ ภาพลักษณ์ของกงแทซองเป็นชายหนุ่มหล่อสุภาพเรียบร้อยและก็มีจิตสาธารณะจากการเดินทางไปเป็นอาสาสมัครยังพื้นที่กันดารในทวีปแอฟริกา ทว่าเบื้องหลังเขากลับเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพีอาร์สาวจากการถูกทำให้ขายขี้หน้าเมื่อหกปีกลาย เมื่อกลับมาเกาหลีกงแทซองเกาะติดโอฮันบยอลเป็นปลิงและก็คอยกลั่นแกล้ง
เธอสารพัด แต่ตีกันไปตีกันมาดูเหมือนว่าสงครามประสาทระหว่างซุปตาร์หนุ่มกับพีอาร์สาวจะกลายเป็นความรักไปเสียดื้อ ๆ

นอกจากการเปิดเผยเบื้องหลังของวงการบันเทิงประเทศเกาหลีที่เล่าออกมาไม่เครียดจนเกินไป เรื่องนี้ยังจัดเต็มทั้งยังความตลกและก็ความเกี่ยวข้องรักสุดหวานของบรรดาตัวละครมากมายหลายคู่ มั่นใจได้เลยว่าถูกจริตคอซีรีส์รอมคอมแบบสิบเต็มสิบ ได้มองเห็นคิมยองแดในฐานะพระเอกเต็มตัวกับบทบาทซุปตาร์หนุ่มมาดทะเล้น ลักษณะท่าทางโตเป็นผู้ใหญ่แปลกหูแปลกตาจากผลงานที่ผ่านมา เสริมความน่าดูด้วยเคมีที่เข้ากันได้อย่างกลมกล่อมกับนางเอก อีซองคยอง เรียกว่าตีกันตั้งแต่เปิดฉากจนถึงอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้

ลิซ่า
‘ดีใจทุกคราวที่ได้กลับบ้าน’ ลิซ่า BLACKPINK เขียนเนื้อความภาษาไทยผ่าน IG เผยความรู้สึกขอบคุณ หลังจัดคอนเสิร์ตที่ไทย

ลิซ่า BLACKPINK อัปเดตโพสต์ปัจจุบันผ่านทาง Instagram ของคุณ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอได้โพสต์ข้อความทั้งหมดเป็นภาษาไทย เพื่อขอบคุณเหล่าบลิ๊งค์ชาวไทยโดยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เสร็จสิ้นคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK ที่เมืองไทยมาหมาด ๆ

LISA

ลิซ่า BLACKPINK

โดย ลิซ่า ได้เขียนข้อความเป็นภาษาไทย ด้วยความรู้สึกขอบคุณ แล้วก็ ดีใจ

ที่ได้กลับมาประเทศไทยบ้านเกิดของเธอในรอบหลายปี ว่า

“อย่างแรกเลย หนูดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เจอกันในรอบหลายปี ทั้งสองวันมีคนมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม อย่างที่หนูได้บอกไปว่า รู้สึกโชคดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ขึ้นแสดงต่อหน้า blinks ขอบคุณและประทับใจในความรักและกำลังใจที่ทุกคนมีให้หนูมาตลอด ดีใจทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน รักและคิดถึงเสมอนะคะ LOVE THAI BLINKS KA”

ลิซ่า วงBLACKPINK BLACKPINKคอนเสิร์ตที่ไทย

ภายในวันเดียวกัน ลิซ่า ยังได้โพสต์รูปอีกเซ็ตที่ถ่ายระหว่างจัดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ เป็นอิโมติค่อนรูปธงชาติไทย และก็ หัวใจ อีกด้วย

TrueID

ทรูไอดี เปิดตัว “ลิซ่า แบล็กพิงค์”เป็นพรีเซ็นเตอร์ซูเปอร์สตาร์ระดับเวิลด์คลาสคนใหม่ของ ทรูไอดี ตอกย้ำ ผู้นำคอนเทนต์ระดับโลกตัวจริง

ปรากฎการณ์เวิลด์คลาสสุดยิ่งใหญ่! ทรูไอดี ย้ำภาพ World-Class Smart Entertainment ตัวจริง กับการเปิดตัว “LISA แบล็กพิงค์” ซุปตาร์ระดับโลก ผงาดบัลลังก์พรีเซ็นเตอร์คนใหม่
พร้อมที่จะจัดส่งต่อความสุข แล้วก็รอยยิ้มให้คนไทยทั้งประเทศ ด้วยสุดยอดประสบการณ์ความบันเทิงเหนือชั้น อัดแน่นพาเหรดจากทั่วทุกมุมโลก เติมเต็มอรรถรสทุกไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล

กรุงเทพฯ 9 มกราคม 2566 – ยิ่งใหญ่สมกับการเป็นเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลก ทรูไอดี เปิดตัว “LISA แบล็กพิงค์”เป็นพรีเซ็นเตอร์ซูเปอร์สตาร์ระดับเวิลด์คลาสคนใหม่ของ ทรูไอดี ตอกย้ำผู้นำคอนเทนต์ระดับโลกตัวจริง ด้วยแนวความคิด The Next World Class Smart Entertainment โดยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้สั่นสะเทือนทุกวงการทำให้คนไทยทั่วทั้งประเทศตะลึงดั่งต้องมนต์สะกด จนไม่บางทีอาจละสายตาไปกับภาพยนตร์โฆษณาชุด “TrueID ไอดีของทุกตัวตน” ที่เพิ่งพรีเมียร์พร้อมกันทั่วทั้งประเทศ ภาพยนตร์โฆษณานี้ยังเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ และความน่ารักของลิซ่าในลุคที่คุณไม่เคยมองเห็น ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีเหล่า BLINKs ไทยเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งนับว่าเป็นความโหฬาร และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยรายละเอียดของเรื่องยังเล่าถึงตัวตนที่หลากหลายของLISA ซึ่งสะท้อนถึงคอนเท้นท์ที่หลากหลายบนทรูไอดี ที่คัดสรร เฟ้นหาสุดยอดความบันเทิงจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ
มาเอาไว้ภายในอุปกรณ์แล้วก็แอปฯ ของทรูไอดี เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลอย่างพร้อม

Mr. George Cheng, Group Managing Director of Digital Media, True Digital Group กล่าวว่า

“นับเป็นอีกก้าวสำคัญ ที่ทรูไอดีเจ้าแห่งคอนเทนต์ระดับโลก ผงาดขึ้นอีกครั้ง ในการสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ได้ต้อนรับ “LISA แบล็กพิงค์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของทรูไอดี ซึ่งถือเป็นความภูมิใจที่ได้ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่สวย สมาร์ท ทรงอิทธิพลด้านดนตรี และแฟชั่น มาตอกย้ำภาพความเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของทรูไอดี ที่ในปัจจุบันครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ ได้อย่างลงตัว โดยล่าสุดได้กระแสตอบรับดีเยี่ยม หลังจากเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “TrueID ไอดีของทุกตัวตน” โดยทรูไอดีมาในครั้งนี้ได้ขนเอาความบันเทิงแบบเวิลด์คลาสมาเพื่อคนไทย ทั้งหนัง เพลง ซีรีส์ กีฬา ข่าวสาร ทั้งพากย์ไทยและซับไทย รวมถึงเอ็กซ์คูลซีฟคอนเทนต์ของ BLACKPINK และคอนเทนต์อื่นๆ อีกมากมายจากศิลปินในสังกัด YG Entertainment ให้เพลิดเพลินไปกับสาระบันเทิงระดับเวิล์ดคลาส และพร้อมส่งมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจคุณตลอดปี 2566 นี้”

ยิ่งกว่านั้น คอนเท้นต์รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ จากทรูไอดี

ได้พัฒนาไป มากมาย รวมทั้งมีฟังก์ชั่นรวมทั้งลูกเล่นใหม่ ๆ ทั้งบนแอปฯ และอุปกรณ์ ดูทีวีของทรูไอดี ไม่ว่าจะ เป็นการจับมือกับกูเกิล (Google) ให้คุณได้ สั่งการบน รีโมท ทีเป็น ภาษาไทยได้ เป็นเจ้าแรก Privilege สิทธิพิเศษ ดีลดีร้านดัง ดูคอนเท้นท์ ไป ก็ยังสะสมทรูพอยท์เพิ่ม ได้ทุกวัน ในขณะนี้ทรูไอดี รองรับทุกแพลตฟอร์ม อย่างสมบูรณ์ ทั้งสมาร์ทโฟน เว็ปไซด์ การดูทีวีที่บ้าน หรือในอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของทรูไอดี ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิง
ระดับโลกที่เหนือชั้นให้คนไทยได้อย่างแท้จริง

ไอยู
หล่อรวยเวอร์! ซงจุงกิซื้อวิลล่าหรูแพงสุดในเกาหลี มีซุปตาร์คนนี้เป็นเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 12 มกราคม ในรายการ Entertainment Company Live ของสถานี KBS ได้เปิดเผยทรัพย์สินบางส่วนในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของนักแสดง และก็หนึ่งในนั้นคือพระเอกซุปตาร์ ซงจุงกิ ตามรายงานพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของซงจุงกิมีมูลค่าสูงถึง ₩50.0 พันล้านวอน (ประมาณ 40.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) รวมทั้งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เป็นต้นว่า คอนโดสุดหรูริมชายหาดฮาวายที่เขาจ่ายไป 2,7000 ล้านวอน รวมทั้งบ้านพักสุดหรูในอิแทวอนที่เขาซื้อในราคา 10,000 ล้านวอน ซึ่งมีแถลงการณ์ว่าช่วงนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 20.0 พันล้านวอน (ประมาณ 16.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ซงจุงกิซื้อวิลล่า

ทั้งนี้ยังมีการเผยออกมาว่า อพาร์ตเมนท์ย่านฮันนัมดง ในขณะนี้ของซงจุงกิมีมูลค่า 9.50 พันล้านวอน (ประมาณ 7.66 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แต่เมื่อเทียบกับวิลล่าสุดหรูย่านชองตัมดงที่เขาพึ่งจะซื้อ ที่นี่จัดว่าเป็นอสังหาฯ ที่แพงที่สุดในเกาหลีใต้

วิลล่าหรูแพงสุดในเกาหลี

สำหรับวิลล่าสุดหรูแห่งใหม่ของ ซงจุงกิ

สามารถแลเห็นแม่น้ำฮันชัดเจน และมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ๆ ทั้งนี้ยังมีซุปตาร์สาว ไอยู (IU) อาศัยอยู่ด้วยเหมือนกัน

ผลงานสุดปัง ซงจุงกิ พระเอกฮอตผู้ครอบครองฉายา สามีแห่งชาติ

ซงจุงกิ (Song Joong-Ki) #สามีแห่งชาติที่แท้ทรูสำหรับพระเอกชายหนุ่มสุดฮอต หลังจากครองใจสาว ๆ ทั่วเอเชียกับบทบาท กัปตันยูชีจิน ในซีรีส์ที่โด่งดังไปทั่วอย่าง Descendants of the Sun ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ กันไปแล้ว ยังกลับมาตอกย้ำความร้อนแรงด้วยบท วินเซนโซ่ ทนายมาเฟียมาดเนี้ยบ ที่ทำให้ใครหลายคนยังมูฟออนไม่ได้ แถมผลงานปัจจุบันอย่าง Reborn Rich ก็ลาจอไปด้วยการทำเรตติ้งสูงเป็นอันดับ 2 ของซีรีส์ช่องเคเบิลอีกต่างหาก และก็ด้วยความสามารถที่หลากหลาย บวกกับการแสดงที่ดีที่สุด วันนี้ทีมข่าวจะพาแฟนคลับไปย้อนดูผลงาน ซงจุงกิ สุดปัง ทั้งหนังและซีรีส์ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามมาดูแล้วเก็บเข้าลิสต์กันเลย

ซงจุงกิ

ประวัติ ซงจุงกิ

ซงจุงกิ นักแสดงชาวประเทศเกาหลีใต้
เกิดเมื่อวันที่ 19 เดือนกันยายน พุทธศักราช 2528
เริ่มเข้าสู่วงการแสดงในปี 2551 ในหนังแนวพีเรียดเรื่อง A Frozen Flower (2551)

ซงจุงกิเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากบทบาท กูฉันยงฮา ในซีรีสเรื่อง Sungkyunkwan Scandal (2553) หรือชื่อไทยว่า บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น แล้วก็พิธีกรรายการวาไรตี้โชว์สุดฮิต
อย่าง Running Man (รันนิ่งแมน) นั่นเอง ก่อนจะได้รับบทนำทีแรกในซีรีส์เรื่อง The Innocent Man (2555) ซีรีส์แนวดราม่าสุดเข้มข้น

รวมทั้งในปี 2556 เขาได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งหลังจากปลดประจำการเขามีผลงานชิ้นใหม่ที่โด่งดังกลายเป็นที่รู้จักทั่วเอเชียกับ Descendants of the Sun (ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ)
และซีรีส์เรื่องนี้เองที่ทำให้ได้พบรักกับ ซองเฮเคียว (Song Hye-gyo) ผู้รับบทนางเอกของเรื่อง และกลายมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงของเขาด้วย ซึ่งทั้งสองได้แต่งงานกันในปี 2560 รวมทั้งหย่าร้างกันในปี 2562 จบตำนานรักคู่จิ้นสุดฟินกันไป

นักแสดงซงจุงกิ

ผลงานเด่น ซงจุงกิ

Sungkyunkwan Scandal (2010)
บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น อีกหนึ่งซีรีส์ที่รวบรวมนักแสดงชื่อดังไว้มากมาย ทั้งพัคยูชอน พัคมินยอง ซงจุงกิ ยูอาอิน แล้วก็ซอฮโยริม เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซองคยุนกวาน สถาบันอบรมบัณฑิตชื่อดังในสมัยโชซอน โดยเรื่องเกิดขึ้นหลังจาก คิมยุนฮี สาวน้อยหน้าหวานที่ต้องคอยหาเลี้ยงครอบครัว ปลอมตัวเป็นผู้ชายและรับจ้างสอบแทนเพื่อหาเงิน แต่ดันโชคร้ายโดน
ลีซอนจุน ลูกชายของรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายของราชสำนัก จับได้ว่าเธอแอบคดโกง เธอเลยต้องตัดสินใจหลบหนีออกมา

ทว่าไป ๆ มา ๆ เขากลับรู้สึกประทับใจและก็ตามตัวเธอกลับมาสอบอีกครั้ง สุดท้ายทั้งคู่ก็เลยได้เข้าเรียนด้วยกัน กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และก็มีความรู้สึกพิเศษให้กัน โดยที่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่องเลยว่าตามที่เป็นจริงแล้วเธอเป็นเพศหญิง ซึ่งในเรื่อง ซงจุงกิ เล่นบท กูยงฮา
เด็กหนุ่มหน้าใสเจ้าสำราญ เรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่ทรงเสน่ห์มากจริง ๆ

The Innocent Man (2012)
ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวคราวแรกสำหรับบทบาท คังมารู ที่เป็นการพลิกบทจากหนุ่มเจ้าสำราญเป็นผู้ชายที่มีปมในใจ เรียกได้ว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือการแสดงของซงจุงกิเลยทีเดียว เพราะเหตุว่าเขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงได้อย่างลึกซึ้ง บทจะหวานก็หวานจนคนดูจิกมือแล้วจิกมืออีก บทจะสลดก็ดราม่าเสียจนกระทั่งน้ำหูน้ำตาไหล และด้วยเนื้อหาของเรื่องที่พูดถึง คังมารู นักศึกษาแพทย์ผู้มีจิตใจดียอมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่รัก กลับกลายเป็นผู้ชายที่ดำเนินชีวิตในความมืดเพื่อรอวันแก้แค้นผู้หญิงที่หักหลังเขา

ซึ่งการแสดงในเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลมากมาย อีกทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในงาน K-Drama Star Awards ครั้งที่ 1, รางวัล Best Couple Award, Netizens’ Award รวมทั้ง Top Excellence Award, Actor จากงาน KBS Drama Awards ในปี 2012 ด้วย

A Werewolf Boy (2012)
ก้าวเข้าสู่โลกภาพยนตร์กันบ้าง สำหรับเรื่องนี้ ซงจุงกิ รับบทบาทเป็น ชอลซู เด็กชายกำพร้าที่เติบโตมาแบบไม่มีคนเลี้ยงดู ทำให้เขามีพฤติกรรมคล้ายสัตว์ จนได้มาเจอกับครอบครัวของ ซุนอี ที่รับเขามาดูแลแล้วก็กลายเป็นมิตรภาพจนก่อให้เกิดความรักนั่นเอง ซึ่งในเรื่องนี้เป็นการดึงความสามารถในฐานะนักแสดงขั้นสุด เนื่องจากบทของเขานั้นใช้การแสดงอารมณ์สื่อสารผ่านสายตาและอาการเป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่ง รวมทั้งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน Baeksang Arts Awards ในปี 2013 อีกด้วย

Descendants of the Sun (2016)
ฮอตเว่อร์วังสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ที่ต้อนรับการกลับมาของซงจุงกิ หลังจากเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี กับบทบาทผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ซึ่งคาแรกเตอร์นี้เป็นที่ชอบพอของคนไม่ใช่น้อย ทั้งในเรื่องความกล้าหาญ มีเกียรติ และความเฉลียวฉลาด สำหรับบทกัปตันยูชีจินที่โด่งดังไปทั่วเอเชียแปซิฟิค นับเป็นงานแสดงที่สะท้อนตัวตนที่เติบโตของเขา ความเป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ที่ดูเป็นชายหนุ่มดอกไม้หน้าหวาน ที่เจอรักกับคุณหมอคนสวยอย่าง คังโมยอน ที่นำแสดงโดย ซองเฮเคียว รวมทั้งด้วยเคมีที่เข้ากันของคู่พระ-นาง ยิ่งส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอีกเท่าตัว และได้รับความนิยมชมชอบทั้งในรวมทั้งนอกประเทศ แถมยังสร้างปรากฏการณ์รักนอกจอที่ทำให้ทั้งสองจับมือเข้าประตูแต่งงานกันในปี 2017 อีกด้วย

The Battleship Island (2017)

อีกหนึ่งหนังทำเงินของเกาหลี โดยในเรื่องนี้ ซง จุงกิ รับบทบาทเป็น พัคมูยอง สมาชิกของขบวนการเรียกร้องเอกราชในประเทศเกาหลีใต้ ที่แทรกซึมเข้าไปในเกาะเพื่อช่วยเหลือสมาชิกในกลุ่มออกมา หนังว่าด้วยเรื่องราวของ Battleship Island ที่เกิดขึ้นในสมัยประเทศเกาหลีกลายเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น โดยชาวเกาหลีกว่า 400 ชีวิต ถูกส่งไปใช้แรงงานหนักในเหมืองถ่านหินบนเกาะเรือรบ (Battleship Island) หรือที่รู้จักในนาม เกาะฮาชิมะ แต่ด้วยสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ชั่วร้ายเกินเล่า พวกเขาจึงร่วมกันคิดแผนหลบซ่อนออกมา

Arthdal Chronicles (2019)
หลังจากห่างหายไป 2 ปี ซงจุงกิก็กลับมาอีกทีในผลงานซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่ต้องใช้ทักษะในการแสดงอย่างยิ่ง กับการรับบทเป็นตัวละครแฝด อึนซอม และ ซายะ ที่มีชีวิตแตกต่างกันคนละขั้ว กับเรื่องราวแฟนตาซีเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่แก่งแย่งและแสวงหาอำนาจในดินแดนโบราณ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่สนใจด้วยเหตุว่าเล่าถึงยุคสมัยก่อนการเป็นประเทศเกาหลี อีกทั้งไม่เคยมีพล็อตที่พูดถึงยุคเริ่มแบบนี้มาก่อนในซีรีส์ประเทศเกาหลีเรื่องไหน ๆ สำหรับแฟนคลับซงจุงกิก็จะได้สนุกสนานไปกับเรื่องราวของ อึนซอม และ ทันยา (คิมจีวอน) ที่มาจากเผ่าเดียวกัน ก่อนที่จะดราม่าเข้มข้นเมื่อพวกเขาต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วก็แน่นอนว่าเรื่องนี้พวกเราจะยังได้เห็นกล้ามเท่ๆของซงจุงกิกันอย่างจุใจ

กับเรื่องราวแฟนตาซีย้อนยุคในดินแดนแห่งตำนานซึ่งมีชื่อว่า อาธ เหล่าผู้อยู่อาศัยในอาธดัล เมืองโบราณรวมทั้งดินแดนโดยรอบ ต่างหาทางแย่งชิงอำนาจกันขณะพยายามสร้างสังคมรูปแบบใหม่ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการผสมผสานทั้งยังเรื่องราวความรัก ความขัดแย้ง และการปรองดองของวีรบุรุษในตำนาน หากนับกับในความเป็นจริงแล้วถือเป็นการนำเสนอถึงจุดเริ่มแรกของมนุษยชาติและก็การเริ่มตั้งประเทศของประเทศเกาหลีก็ว่าได้

Space Sweepers (2021)
ซงจุงกิกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Space Sweepers ในเรื่องนี้เขาสวมบทบาทเป็น คิมแทโฮ นักบินอวกาศสุดอัจฉริยะที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน เรื่องราวของโลกในปี 2092 เมื่อคิมแทโฮ และก็เพื่อน ๆ บนยานอวกาศ Victory ต้องวิ่งไล่ตามเก็บขยะอวกาศเพื่อหารายได้ พวกเขาบังเอิญเจอหุ่นยนต์ตัวร้ายและคิดจะขายมันให้ได้เงินมหาศาลโดยไม่เคยรู้ว่านี่เป็นความอันตรายอย่างที่สุด ถือเป็นหนังแนวไซไฟจากประเทศเกาหลีที่เว้นเสียแต่ความน่าสนใจของเรื่องราวแล้วยังเต็มไปด้วยซีจีน่าทึ่ง และยังเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงของซงจุงกิอีกด้วย

Vincenzo (2021)
ซีรีส์ที่ต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของซงจุงกิในรอบ 2 ปี โดยคราวนี้เขาจะเล่นบทเป็น วินเซนโซ่ กาซาโน สมาชิกในแก๊งมาเฟียอิตาลี เขากลับมาเกาหลีเพื่อหาสมบัติที่กลุ่มมาเฟียหลบซ่อนไว้ จนได้บังเอิญเจอกับ ฮงชายอง ซึ่งเป็นทนายแบบเดียวกัน แล้วก็ได้ร่วมมือกันเพื่อสอบถามหาความยุติธรรมจากสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่สนใจว่าจะได้มันมาด้วยวิธีไหน สำหรับการเล่นบทนำครั้งนี้ ซงจุงกิทำให้เห็นว่าเขามักจะทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมา อีกทั้งเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ซ้ำกับที่เขาเคยแสดงมาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา สำหรับซีรีส์ Vincenzo ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรซงจุงกิก็ดูดีไปหมด ยิ่งชุดสูทด้วยแล้วยิ่งดูดีสุด ๆ

Reborn Rich (2022)
หลังจากกอบโกยเรตติ้งเป็นกอบเป็นกำใน Vincenzo ซงจุงกิ ก็กลับมาอีกทีในซีรีส์แนวแฟนตาซี-ดราม่า ที่อ้างอิงมาจากนิยายออนไลน์ยอดนิยมชื่อเดียวกัน กับบทบาท นายน้อยจินโดจุน ที่กลับชาติมาเกิดเพื่อแก้แค้น โดย Reborn Rich เล่าเรื่องราวของ ยุนฮยอนอู ทำงานให้กับตระกูลมหาเศรษฐีมาเป็นเวลานานมากกว่า 10 ปี เขาทำหน้าที่คอยรับใช้ทุกอย่างให้กับพวกเขา ไม่ได้มีความแตกต่างจากคนรับใช้คนหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกใส่ร้ายรวมทั้งถูกฆ่าโดยลูกคนเล็กของตระกูล ต่อมาฮยอนอูกลับพบว่าตนเองกลับมาอยู่ในร่างของคนที่ฆ่าเขาเองอย่าง จินโดจุน และย้อนกลับมาอยู่ในยุค 80 เขาตัดสินใจที่จะแก้แค้นตระกูลนี้ให้สาสม และก็แน่นอนว่าตอนจบของซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถโกยเรตติ้งจนถึงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของซีรีส์ช่องเคเบิลเรตติ้งสูงสุดตลอดกาล โดยเป็นรองแค่เพียงเรื่อง The World of the Married เท่านั้นอง

มั่นใจว่าใครที่เป็นแฟนคลับของหนุ่ม ซง จุงกิ อาจผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่เพิ่งโดนตกมาหมาด ๆ เราขอแนะนำว่าตามเก็บกันให้ครบ
เพราะนอกจากซีรีส์ที่เราหยิบมาฝากในวันนี้ จุงกิยังมีผลงานเรื่องอื่น ๆ ให้ติดตามกันอีกเยอะ เรียกได้ว่าดูกันไปยาว ๆ

พัคโบกอม
หล่อสร้างเรื่อง! ภาพนี้ของพัคโบกอม ทำสาว ๆ อีกทั้งเอเชียต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกัน

เป็นพระเอกซุปตาร์ที่มีเเฟนคลับทั่วทั้งโลกเลยค่ะ สำหรับ พัคโบกอม เเน่นอนว่าความปังเเละความดังของเขานั้นไม่ว่าจะขยับเขยื้อนตัวทำอะไรก็มีเเต่เเฟนคลับคอยซัพพอร์ต อยู่ทุกเรื่อง อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ ( 12 มกราคม 2023 ) ในช่วงบ่ายของวัน พัคโบกอม

ได้ปรากฎตัวที่งานรอบปฐมทัศน์วีไอพีของภาพยนตร์ เรื่อง “Phantom” (ผู้กำกับอีแฮยอง) ซึ่งจัดขึ้นที่ CGV Yongsan I’Park Mall ในกรุงโซล

ดาราพัคโบกอม

พัคโบกอมเฉิดฉายด้วยลุคหล่อทั้งผมทั้งหน้าเเละอีกทั้งชุด

ทำคนไม่ใช่น้อยที่เห็นภาพนี้อดชื่นชอบไม่ได้

พัคโบกอมอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนนักแสดงพัคโซดัม ซึ่งเขาร่วมงานด้วยในละครเรื่อง “Record of Youth”
ซึ่งเป็นการแสดงตัวบนจอแก้วครั้งสุดท้ายก่อนเข้ากรม พัคโบกอมดึงดูดสายตาด้วยการสวมชุดลำลองแล้วก็แสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ในขณะที่มิตรภาพระหว่างนักแสดงทั้งสองก็ดึงดูดความสนใจด้วยเหมือนกัน

นักแสดงเกาหลี

ประวัติ พัคโบกอม ดาราชายหน้าหวานดินแดนกิมจิ พร้อมผลงาน

พัคโบกอม Park Bo Gum ดาราชายหน้าหวานในวงการ ซีรีส์ประเทศเกาหลี ดาราเกาหลี ดีกรีเป็นทั้งยังนักแสดงและนักร้องชาวประเทศเกาหลีใต้
เปิดตัวคราวแรกในการแสดงภาพยนตร์ปี 2011 ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ๆ จากการแสดงละครโทรทัศน์หลากหลายบทบาท เป็นต้นว่า Cantabile Tomorrow ปี 2014, Hello Monster ปี 2015, Reply 1988 ปี 2015, Moonlight Drawn by Clouds ปี 2016, Encounter ปี 2019 และ Itaewon Class ปี 2020 และตัดสินใจเข้ากรมทหารไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชายเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เป็นเวลาเกือบ 2 ปีต่อจากนี้ ออกมาเราคงจะได้เห็นผลงานของ โบกอม อีกมากมาย
มาทำความรู้จักพระเอกหนุ่มหน้าหวานเปิด ประวัติ พัคโบกอม พร้อมผลงาน และก็รางวัลที่ได้รับ

ประวัติ Park Bo Gum

พัคโบกอม หรือ พัก โบ กอม นักแสดงชายหนุ่มรูปหล่อชาวประเทศเกาหลีใต้
เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน คริสต์ศักราช 1993 ความสูง 182 เซนติเมตร โดยครอบครัว มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โบกอม เป็นน้องคนสุดท้อง มีผลงานการแสดงคราวแรกในภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2011

ชี่อของเขา “Bo-gum” ที่หมายความว่า ดาบล้ำค่า แม่เสียชีวิตเมื่อเขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ เขาเริ่มทำความเข้าใจเปียโนเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียนอนุบาล เป็นนักเปียโนและก็เป็นสมาชิกคณะนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ เขายังอยู่ในทีมว่ายตัวแทนของโรงเรียนม. ต้น โซลม็อกดง และได้ศึกษาต่อที่ Myoongji University ปริญญาตรีสาขาโรงละครดนตรี Myongji University’s Film and Musical Studies Department

ผลงานการแสดง พัคโบกอม

เดบิวต์ในฐานะนักแสดงภายใต้สังกัด Sidus HQ โดยมีบทบาทในภาพยนตร์ระทึกขวัญ

เรื่อง Blind (2011) แล้ว

เขาก็เข้าร่วมสังกัด Blossom Entertainment แล้วก็

แสดงในภาพยนตร์แอคชั่นคอมเมดี้เรื่อง Runway Cop (2012)

รวมทั้งละครเรื่อง Bridal Mask (2012) ในปี 2013 เขามีบทบาทสำคัญคราวแรกในละครสุดสัปดาห์เรื่อง Wonderful Mama ที่สวมบทบาทเป็นลูกชายเพลย์บอย ปี 2557–2558 ความชื่นชอบรวมทั้งความก้าวหน้าในวงการบันเทิงของเขามีมากขึ้น เขาได้รับโอกาสแสดงในซีรีส์มากมายและทำให้เขาได้รับรางวัลจากการแสดงนั้น

ซีรีส์ ละคร โทรทัศน์

ปี 2012
Neighborhood Hero รับบท Kang Dong-woo ช่อง OCN
Bridal Mask หน้ากากปีศาจ รับบท Min-kyu (ตอนที่ 26–28)ช่อง KBS2

ปี 2013
Wonderful Mama รับบท Go Young-joon ช่อง SBS

ปี 2014
Wonderful Days มหัศจรรย์แห่งรัก รับบท วัยหนุ่มของคัง Dong-seok ช่อง KBS2
Naeil’s Cantabile จังหวะรัก หัวใจดนตรี รับบท Lee Yoon-hoo ช่อง KBS2

ปี 2015
The Producers โปรดิวเซอร์หน้าใส หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนที่ 9 ช่อง KBS2
Hello Monster เฮลโลมอนสเตอร์ รับบท Jung Sun-ho/Lee Min ช่อง KBS2
Reply เรื่อง วันวาน 1988 รับบท Choi Taek ช่อง tvN

ปี 2016
Love in the Moonlight รักเราพระจันทร์เป็นใจ รับบท Lee Yeong ช่อง KBS2

ปี 2018-2019
Encounter รับบท Kim Jin-hyuk ช่อง tvN

ปี 2020
Itaewon Class รับบท New cook at Soo-ah’s restaurant (รับเชิญ Ep. 16) ช่อง tvN

ภาพยนตร์
Blind รับบท Min Dong-hyun
Runway Cop รับบท young Cha Chul-soo
A Hard Day รับบท Officer Lee Jin-ho
The Admiral: Roaring Currents รับบท Bae Soo-bong
Twinkle-Twinkle Pitter-Patter รับบท Jun-woo Short film
Coin Locker Girl รับบท Park Seok-hyun
Seo Bok รับบท Seo Bok

รางวัลที่ได้รับ พัคโบกอม

ปี 2015
14th KBS Entertainment Awards สาขา Best Newcomer Award จาก Music
KBS Drama Awards สาขา Popularity Award, Actor จาก Hello Monster
KBS Drama Awards สาขา Best Supporting Actor จาก Hello Monster

ปี 2016
11th Max Movie Awards สาขา Rising Star Award จาก Coin Locker Girl
8th Style Icon Asia สาขา Style Icon
16th Top Chinese Music Awards สาขา Best International Artist
4th Annual DramaFever Awards สาขา Best Rising Star จาก Reply 1988
4th Annual DramaFever Awards สาขา Best Kiss (with Lee Hye-ri) จาก Reply 1988
5th APAN Star Awards สาขา Best New Actor จาก Reply 1988
tvN10 Awards Asia สาขา Star Award จาก Reply 1988
1st Asia Artist Awards สาขา Asia Star Award, Actor
1st Asia Artist Awards สาขา Best Star Award, Actor จาก Reply 1988, Love in the Moonlight
Melodi Awards สาขา Most Influential Korean Drama Personality
OSEN Awards สาขา Star of the Year
SBS Cult Two Show Awards สาขา Most Mentioned
30th KBS Drama Awards สาขา Top Excellence, Actor จาก Love in the Moonlight,สาขา Netizen Award จาก Love in the Moonlight,สาขา Best Couple (with Kim Yoo-jung) จาก Love in the Moonlight
2nd Fashionista Awards สาขา Best Dresser of the Year

ปี 2017
Korea Brand Awards สาขา Special Award
16th Korea Assembly Grand Award สาขา Acting Award
53rd Baeksang Arts Awards สาขา Most Popular Actor, Television จาก Love in the Moonlight
12th Seoul International Drama Awards สาขา Outstanding Korean Actor จาก Love in the Moonlight
8th Korean Popular Culture and Arts Awards สาขา Minister of Culture, Sports and Tourism Commendation
3rd Fashionista Awards สาขา Best Fashionista (Red Carpet Category)
7th Korea Tourism Awards สาขา Special Achievement Award

ครอบครัวLISA
อบอุ่นสุด ๆ เผยภาพครอบครัวให้กำลังใจ “ลิซ่า BLACKPINK” หลังเวทีคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย

คุณแม่จิตทิพย์ แม่ของ “ลิซ่า BLACKPINK” โพสต์ภาพครอบครัวไปให้กำลังใจไอดอลสาวหลังเวทีสุดอบอุ่น แฟน ๆ และก็คนในวงการแห่คอมเม้นต์สนั่น

ล่วงเลยไปอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ “BLACKPINK BORN PINK WORLD TOUR Bangkok” ที่สนามกีฬาแห่งชาติ (ศุภชลาศัย)
คอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ของ 4 สาวเกิร์ลกรุ๊ประดับโลก “BLACKPINK” โดย 4 สมาชิก นำโดย ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล , จีซู , เจนนี่ รวมทั้ง โรเซ่
ได้เปิดการแสดงถึง 2 รอบ ท่ามกลาง “บลิ๊งค์” (ชื่อเรียกแฟนคลับ) ที่เดินทางมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

ครอบครัวลิซ่า BLACKPINK

ซึ่งอีกหนึ่งแรงใจสำคัญของสาว ลิซ่า BLACKPINK ต้องยกให้ครอบครัว

แล้วก็ปัจจุบัน คุณแม่จิตทิพย์ บรอยช์ไวเลอร์
คุณแม่ของลิซ่า ก็ได้โพสต์ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นที่แฟน ๆ รอคอยลงในไอจีส่วนตัว โดยเป็นภาพที่คุณแม่รวมทั้งคุณบิดา มาร์โค บรูชไวเลอร์ ไปให้กำลังใจลูกสาวหลังเวที

ทั้งยังพาคุณยายสุดที่รักของ LISA ไปให้กำลังใจหลานสาวคนเก่งด้วย งานนี้ ลิซ่า ไม่พลาดถ่ายรูปคู่คุณยายอย่างอบอุ่น

นอกเหนือจากนั้น คุณแม่ของLISA ยังเขียนแคปชั่นว่า “ขอบคุณมากครับ” โดยมีเหล่าคนคนบันเทิงรวมทั้งแฟน ๆ เข้าไปชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก

ครอบครัวLISA

 

อย่างไรก็ดีแล้ว ที่ผ่านมา คุณแม่ก็ได้โพสต์ภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตดังกล่าว
พร้อมเผยถึงแฟนคลับของ “BLACKPINK” อย่างอบอุ่นว่า “ขอบคุณ Blink ทุกๆคนที่เป็นที่รักของสาวๆBLACKPINK มากๆนะคะ รัก BLACKPINK และก็อยู่กับ BLACKPINK ไปนานๆนะคะ

มิว นิษฐา

แม่มิว นิษฐา แจงเหตุผลที่ลูกสาวถ่ายภาพกับ ลิซ่า BLACKPINK หลังโพสต์ภาพคู่

จบลงไปท่ามกลางความฟินของแฟน ๆ สำหรับคอนเสิร์ต “BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK” ของ 4 สาววง BLACKPINK ที่สนามศุภชลาศัย ปทุมวัน
เมื่อ 7-8 เดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งในคอนเสิร์ตคราวนี้มีนักแสดงดาราไทยไปร่วมชมเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในนั้นคือนางเอกสาวหน้าใส มิว นิษฐา จิรยั่งยืน ที่นอกจากจะได้ไปชมคอนเสิร์ตแล้ว ยังได้ได้โอกาสเข้าไปมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนักร้องสาวLISA ลลิษา มโนบาล หรือ LISA BLACKPINK ซึ่งมิวก็ได้โพสต์ภาพบรรยากาศ รวมถึงภาพ น้องมาริน ลูกสาว พร้อมกับเขียนเนื้อความว่า “Blink ตัวน้อยที่บ้านก็อยากไปดูด้วย @marin_kuha”

แต่ก็มีคนไม่ใช่น้อยสงสัยว่าเพราะเหตุใดมิวถึงได้เข้าไปถ่ายภาพคู่และก็มอบดอกไม้ให้กำลังใจLISAซึ่งงานนี้ คุณแม่ปู อังคณา จิรยั่งยืน คุณแม่ของสาวมิว ก็ได้คอมเมนต์แจกแจงใต้ภาพดังกล่าวแทนลูกสาวไว้ว่า
“น้องลิซ่าชวนพี่มิวไปดูคอนเสิร์ตค่ะ รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่มิวมีซื้อตั๋วไว้แล้วเลยเอาดอกไม้ไปให้กำลังใจน้อง” เรียกว่าจัดการชัดเจนแบบม้วนเดียวจบจ้า

สวยแพงไม่ธรรมดา ส่องลุคออกอีเวนต์ “ลิซ่า” ไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน!

ทำเอาชาวบลิ๊งค์ใจละลาย หลังจาก “LISA Blackpink” หรือ “ลลิษา มโนบาล” หยอดว่าขอแก่ไปด้วยกัน รวมทั้งดีใจมากที่ได้กลับประเทศไทย
ซึ่งถ้าเกิดย้อนไปดูวันออกวีเวนต์ DENTISTE Presents Confident Smile with Lisa ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ เมื่อวานนี้ เว้นเสียแต่แจกรอยยิ้มละลายใจแฟนคลับแล้ว ชุดที่เจ้าตัวใส่ หากแม้จะดูเรียบหรู แต่แพงไม่เบา

ลิซ่า BLACKPINK

 

 

โดยชุดสีครีม มาจากแบรนด์ CANITT ราคาประมาณ 21,000 บาท รองเท้าจากแบรนด์ AMINA MUADDI 995$ รวมทั้งเครื่องเพชรพลอยสุดหรูหราจากแบรนด์ BVLGARI 121,400 $ รวม ๆ แล้วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าลุคนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท เรียกได้ว่าสวยแพงสมเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก

รีวิวภาพยนตร์
รีวิวภาพยนตร์ Men of Plastic (2022) ตามสองหนุ่มอัพกูจองไปส่องศัลยกรรมพลาสติกอันลือลั่น

ภาพยนตร์ เรื่องแต่งที่สมจริงสมจัง เล่าอิงคอมเมดี้แต่ซ่อนเร้นซีเรียส

เกี่ยวกับธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามอันโด่งดังของเกาหลี

กับเรื่องราวของสองชายหนุ่มผู้หิวเงินกระหายความสำเร็จ โดย ‘มาดงซอก’ รวมทั้ง ‘จองคยองโฮ‘

ภาพยนตร์ Men of Plastic

Men of Plastic เป็น ภาพยนตร์ คอมเมดี้

บนท้องเรื่องของธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามแห่งบริเวณอัพกูจอง เขตคังนัม ที่มีชื่อที่สุดของประเทศ
โดยมีตัวชูโรงของเรื่องเป็น ‘มาดงซอก‘ ที่พึ่งจะสร้างปรากฏการณ์หนังทำเงินสูงสุดไปเมื่อต้นปีจากเรื่อง The Roundup

ว่ากันแล้ว ผลตอบรับของ Men of Plastic นั้นอาจไม่ปังมากนักในประเทศเกาหลี คาดว่าอาจเป็นเนื่องจากหัวข้อเรื่องราวธุรกิจที่นำมาเล่า เป็นสิ่งที่รู้ ๆ กันมานานนมอยู่ในชีวิตคนประเทศเกาหลี ด้วยเรื่องความสวยความงามนั้นเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ เรียกได้ว่าสิ่งนี้แทบกลายเป็นของขวัญเบื้องต้น
ที่เมื่อจบการศึกษาที่พ่อแม่ต้องมอบให้ลูก เพื่อฯลฯทุนเสริมความเชื่อมั่นและมั่นใจในการก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน

นอกจากนี้ตัวหนังก็บางทีอาจขาดประเด็นกินใจ กับมุกตลกโปกฮาที่ไม่กระโดดแหวกจนถึงโดนใจ ไม่เหมือนกับหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จในตอนที่ผ่านมาอย่าง Extreme Job (2019) หรือ 6/45 (2022) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนังตลกนี่เป็นงานยากสุดละ
ด้วยเหตุว่าขำของพวกเราบางทีอาจไม่ขำของคนอื่น ๆ ขำยังไงให้สากล เข้าถึงได้แม้ว่าจะต่างบริบทต่างวัฒนธรรมกัน

แต่ทว่าสำหรับผู้ชมนอกประเทศเกาหลี ผู้เขียนเห็นมุมที่น่าสนใจไม่น้อย อันดับแรกเลยเป็น การเจาะลึกธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม ซึ่งเป็นประเด็นที่คนไทยปัจจุบันนี้ติดตามรวมทั้งให้ความสนใจค่อนข้างมาก

Men of Plastic 2022

หนังตั้งต้นเรื่องที่ปี 2007 ในยุคต้น ๆ ที่เพิ่งคิดใช้มีดหมอมาเนรมิตความงาม

ต้องบอกก่อนว่ารายละเอียดของหนังเป็นเรื่องแต่งขึ้น แต่มั่นใจว่าอิงความจริงมาด้วยล่ะ จึงราวกับสะท้อนปัญหาหลากหลาย ดังเช่นว่า หมอเก่ง ๆ ถูกใช้ให้เป็นเพียงแพทย์เงา หรือก็คือรับจ๊อบลงมือผ่าแทนด้วยค่าตอบแทนถูก ๆ โดยคนเจ็บไม่ทราบรวมทั้งถูกเรียกเก็บเงินแพง ๆ ส่วนเจ้าของเงินทุนที่กล้าลุยกับธุรกิจใหม่ก็มักเป็นผู้มีเบื้องหลังการหาเงินที่ไม่สะอาดนัก ถึงกล้าพร้อมเสี่ยงได้ แล้วก็เมื่อลงทุนและย่อมมีอุบายในการโกยเงิน ดังเช่นว่า การใช้เวชภัณฑ์เถื่อนเพื่อลดต้นทุนโดยไม่สนเรื่องศีลธรรม หรือการเน้นปั่นยอดขายสูง ๆ
โดยไม่ได้เอาความต้องการที่โดยความเป็นจริงของลูกค้าเป็นตัวตั้ง ขาดจรรยาบรรณความเป็นมีออาชีพที่ควรปฏิบัติ สมกับชื่อไทยของหนังที่ว่า ‘อัพกูจอง หลอกมาอัพ จัดมาลวง’

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ พัคจีอู (รับบทโดย จองคยองโฮ) แพทย์ศัลยกรรมฝีมือยอดเยี่ยมแต่ดันเจอปัญหาหุ้นส่วนธุรกิจหักหลัง ต้องแบกรับความผิดแทน ทำให้ถูกระงับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ไป 2 ปี แถมยังพ่วงหนี้ก้อนโตติดตัวมาด้วย แต่ความหยิ่งยโสในศักดิ์ศรีและก็เลือกงาน ทำให้เขายังหาที่ลงตัวไม่ได้สักที ในขณะที่เจ้าหนี้นักเลงก็คอยตามติดทวงหนี้ให้รำคาญใจ

เขาได้บังเอิญเจอกับ คังแทกุก (เล่นบทโดย มาดงซอก) คนพื้นเพอัพกูจองที่ไม่รู้เรื่องที่มาจนดูเสมือนขาดความน่าวางใจ แทกุกเอาแต่ป้วนเปี้ยนไปทั่วอัพกูจอง ด้วยร่างล่ำบึ้กในเสื้อผ้าลำลองชิล ๆ สีฉูดฉาดสะดุดตา (สื่อความอิสระนอกกรอบ) วางมาดคุยโม้น้ำไหลไฟดับในเรื่องเส้นสายรวมทั้งสกิลการเป็นตัวกลางเชื่อมธุรกิจให้เกิด เรียกว่าจับความต้องการของ A และก็ B มาตัวต่อกันด้วยมือไม่

ไป ๆ มา ๆ คังแทกุก ก็สามารถใช้วาทศิลป์ร่วมกับกลเม็ดในการจัดการกับปัญหา คะยั้นคะยอให้ พัคจีอู วางใจร่วมทำธุรกิจกับเขาในฐานะหุ้นส่วน โดยมีนายทุนเป็นนักธุรกิจใหญ่ชาวจีนซึ่งบริหารงานผ่านอดีตนักเลงดังในพื้นที่ จีอูแล้วก็แทกุกจึงเสมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีพอดีกับนายทุนด้วยเหมือนกัน

ภาพยนตร์

สิ่งที่เราจะได้เห็นตามมาก็คือ

ความไอเดียสุดเฉิดฉายของแทกุก ‘เล็ก ๆ ไม่..ใหญ่ๆต้องแทกุกเท่านั้น’ เป็นที่มาของ ศูนย์ศัลยกรรมความงามครบวงจรในอาคาร 15 ชั้นที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ความตลกร้ายของการบิดตำราการตลาดให้ Weird
ปนฮา ไม่ว่าจะเป็นการปรับสกิลพนักงาน, การเจาะลูกค้านักท่องเที่ยวจีน, แพ็กเกจเหมา ๆ สุดคุ้มยกเครื่องตลอดตัว, การโปรโมตสร้างแบรนด์ผ่านสื่อแมส ชวนเชื่อด้วยเทคนิค Before VS After บลา..บลา…บลา… แน่นอนว่าทุ่มครบ 4P/7P ขนาดนี้ ธุรกิจก็เลยเจริญก้าวหน้าสุดๆกระทั่งทั้งคู่แฮปปี้ กวาดเงินและก็โกยชื่อเสียงสมใจแบบสุด ๆ

ภาพยนตร์ เดินเรื่องในจังหวะว่องไวมาก

แว๊บเดียวก็เข้าสู่องก์ที่สาม ข้อด้อยของธุรกิจที่เกิดจากความโลภละโมบ การเสี่ยงเกินตัว และความไม่ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ ที่สุมรวมกันเอาไว้ ในที่สุดก็ได้เวลาย้อนกลับมาโจมตีตัวตั้งต้น ยิ่งอยู่ท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดในวงการ ก็เลยยิ่งคลอนแคลนทั้งยังธุรกิจแล้วก็มิตรภาพรหว่าง แทกุก กับ จีอู อย่างเกินคาด

ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่สมน้ำสมเนื้อกับการหากินบนความงาม ‘พลาสติก’ ที่เล่นกับความปลอมแล้วก็ความลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านตัวผู้สร้างซึ่งไม่มีจรรยาบรรณ จนถึงย้อนกลับมาทำให้อีกทั้งแทกุกและจีอูต้องเผชิญเรื่องลวงหลอกกลับเช่นกัน วิกฤตนี้จะสาหัสขนาดไหน และก็พวกเขาจะได้สติฝ่าฟันรอดมาได้หรือไม่อย่างไร ต้องติดตามกันดู

ก็เสมือนจะพอสรุปได้ว่า ในแง่การสร้างธุรกิจให้เกิด ถ้ามีไอเดียก็ต้องมีทุน มีคนเก่งก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพด้วย มีหุ้นส่วนดีเป็นมีชัยไปครึ่งหนึ่งละ และก็ถ้าดูจบแบบอินตามในความเหมือนจริง ก็ชวนให้ตั้งคำถามขำ ๆ ว่า ‘ถ้าไม่ได้สองคู่หูที่บุกเบิกบ้าบิ่นนี้ ย่านอัพกูจองของเกาหลีจะพัฒนากลายเป็นขุมทองของ K-Beauty ที่โด่งดังน่าไว้ใจไป
ทั่วโลกเป็นต้นว่าทุกวันนี้ได้หรือไม่?’
นี่เป็นตลกร้ายที่ชักชวนขำที่สุดของเรื่องแล้ว เนื่องจากส่วนตัวผู้เขียนว่ามุกตลกโปกฮาในเรื่องมันออกจะฝืด ๆ จืด ๆ ไปหน่อยนะ

สำหรับนักแสดง นอกจากสองนักแสดงหลักอย่าง มาดงซอก รวมทั้ง จองคยองโฮ แล้ว ก็ยังเสริมทีมสมทบแล้วก็รับเชิญด้วย ทั้ง โอนารา, โอยอนซอ (สองโอนี้สวยกริ๊บมากทั้งสอง จนอยากได้เบ้าไปผ่าตัดตามมั่ง ^^) ชเวบยองโม, กิลแฮยอน, ฮันโบรึม, จินซอนกยู รวมทั้ง จองจีโซ

นักแสดง
นักแสดง ที่แจ้งเกิดจากเว็บดราม่าเกาหลีสู่ดาวรุ่งของวงการบันเทิง

นักแสดง ที่โด่งดังหลาย ๆ คน ในปัจจุบันมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
ของการ ก้าวขึ้นสู่การ มีชื่อเสียง รวมทั้งเป็นดาวรุ่ง ของ วงการบันเทิง
โดยจุดเริ่มแรกของ ความสำเร็จเหล่านั้น ได้มาจากเว็บดราม่า ยอดฮิต ที่นำนักแสดงคนโปรด ของเรามา เผยแพร่ บน Youtube
และก็แพลตฟอร์ม สตรีมมิ่ง ต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกของการก้าวขึ้นสู่การเป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักของวงการเลยก็ว่าได้
รวมถึงนักแสดงชั้นแนวหน้าทั้ง 5 คนนี้ที่ผ่านการแสดงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรวมทั้งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม
มาจากเว็บดราม่าประเทศเกาหลีสิ่งเดียวกัน

เว็บดราม่าประเทศเกาหลี เป็นซีรีส์ขนาดสั้นที่มีระยะออกอากาศต่อตอนอยู่ระหว่าง 10-30 นาที
เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ฉายทางโทรทัศน์ทั่วไป แต่จะอัปโหลดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งจะมีลักษณะการดำเนินเรื่องที่กระชับ ฉับไว กระบวนการโปรดักชันสั้น แล้วก็มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่าที่ออกอากาศทางโทรทัศน์

วันนี้ทีมข่าวเราจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยกับเหล่านักแสดงที่แจ้งเกิดจากผลงานการแสดงในเว็บดราม่า และก็ได้รับความสนใจ
กระทั่งปัจจุบันนี้ต่างเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง รวมทั้งมีผลงานการแสดงทางโทรทัศน์ให้ได้ดูมากมาย~

จะมี นักแสดง คนโปรดของเพื่อน ๆ คนไหนกันบ้างไปติดตามกันเลย

ชินเยอึน

1. ชินเยอึน
ชินเยอึน ได้ฉายแววจากเว็บดราม่าอย่าง A-TEEN ซีรีส์ที่บอกกล่าวเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนนักเรียนมัธยมปลายกับตอนเวลาที่ต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ความฝัน ความรักและก็มิตรภาพที่เกิดขึ้นในตอนวัยรุ่น ซึ่งหลังจากเผยแพร่ออกมาบนโลกอินเตอร์เน็ตก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม
จนกระทั่งทำเกิดการสร้าง A-TEEN 2 รวมทั้งจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ชินเยอึน ในบท โดฮานา แล้วยังเป็นตัวเปิดทางให้เธอได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนางเอกในเรื่อง He Is Psychometric และ More Than Friends ทางช่องโทรทัศน์อีกด้วย

ฮวังอินยอบ

2. ฮวังอินยอบ
ชายหนุ่มขี้อาย ฮวังอินยอบ เปิดตัวเดบิวต์ทีแรกในบทบาท กิแจยอง ในเว็บดราม่าเรื่อง W.H.Y เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่ล้มเหลว
ถูกหักอกจนกระทั่งเกิดเป็นทริปของเหล่าเพื่อนสนิท พากันมาย้อมใจ แต่ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจความรักมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากซีรีส์เรื่องนี้ฮวังอินยอบได้ตัดสินใจรับบทบาทหลักในเว็บดราม่าเรื่อง Freshman ในบท ซอคโยวอน หนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยกับชายหนุ่มสุดเฉิ่มที่ต้องมาอยู่ในชมรมการแสดงที่ขึ้นชื่อว่าเห่ยที่สุดในมหาวิทยาลัย มองเห็นได้ชัดว่าจากจุดเริ่มการแสดงบนเว็บดราม่าทำให้เขาได้ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงหลักทางหน้าจอทีวีและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทบาทการแสดงจากเรื่อง 18 Again, True Beauty และ Why Her?

คิมฮเยยุน

3. นักแสดง คิมฮเยยุน

นักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง คิมฮเยยุน ก็เป็นอีกคนที่เคยผ่านการแสดงบนเว็บดราม่ามาแล้วกับซีรีส์เรื่อง Secret Crushes ในปี 2016 ซึ่งเธอได้ร่วมแสดงอีกทั้ง 2 ซีซั่น
โดยซีรีส์เรื่องนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของหนุ่มสาวกับความรักที่ไม่สมหวังรวมทั้งบทเรียนในการดำรงชีวิต ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถทำให้คิมฮเยยุนกลายเป็นที่จำได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือเป็นใบเบิกทางให้เธอได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงในเรื่อง SKY Castle กับบท คังเยซอ เด็กสาววัยมัธยมปลายที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
และไม่เป็นมิตร ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนถึงได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม Beaksang Arts Awards ครั้งที่ 55 ไปครอง
รวมทั้งต่อมาเธอก็ได้รับบทนักแสดงนำในเรื่อง Extraordinary You, Secret Royal Inspector & Joy และก็ Snowdrop อีกด้วย

นักแสดง แบฮยอนซอง

4. แบฮยอนซอง
มาถึงคิวหนุ่มสวยหวาน แบฮยอนซอง ก็ได้ผ่านผลงานจากการร่วมแสดงในเว็บดราม่ายอดนิยมอย่าง Love Playlist โปรเจคจาก Playlist Studio
ที่เล่าเรื่องราวความรักและก็ความข้องเกี่ยวของเหล่าวัยรุ่น โดยในเรื่องนี้ แบฮยอนซอง มาพร้อมทั้งบทบาท พัคฮานึล ในซีซั่น 3 แล้วก็ 4 กับคาแรกเตอร์หนุ่มที่แอบรักเพื่อน
โดยการแสดงที่แสนจะอบอุ่นทำให้เขาเป็นที่เฝ้ามองมากเพิ่มขึ้น หลังต่อจากนั้นเขาก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การแสดง
จากการร่วมแสดงในเรื่อง Extraordinary You กับบท แบคจุนฮยอน น้องชายของ แบคคยอง (รับบทบาทโดยอีแจอุค) และซีรีส์ภาคต่อมีชื่ออย่าง Hospital Playlist กับบท จางฮงโด นักศึกษาแพทย์ที่เต็มไปด้วยความน่าเอ็นดู รวมทั้งใช้ชีวิตแบบทุกย่างก้าวคือการเรียนรู้ บทบาทถัดมาที่นับว่าเป็นเรื่องที่เขาได้ปล่อยศักยภาพทางการแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ กับการรับบทนำในเรื่องราวดราม่าแล้วก็โจทย์ชีวิตของ จองฮยอน จากซีรีส์เรื่อง Our Blues ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมไว้อย่างล้นหลาม

ชเวฮยอนอุค

5. ชเวฮยอนอุค

สำหรับคนสุดท้ายนี้ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้เลยกับนักแสดงดาวรุ่งอย่าง ชเวฮยอนอุค เขาได้เดบิวต์ในฐานะนักแสดงด้วยการชิมลางบทพระเอกในเว็บดราม่าเรื่อง Real:Time:Love
ที่พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรักวัยรุ่นของเด็กม. ปลาย โดยเขาได้รับบทบาทเป็น มุนเยซาน ชายหนุ่มที่แอบรักเพื่อนสนิทมายาวนาน
แล้วก็ได้ได้โอกาสเป็นแฟนจอมปลอมหลังจากฝ่ายหญิงถูกบอกเลิก ซึ่งแม้จะเป็นผลงานเรื่องแรก
แต่เขาก็ทำได้ดีเกินคาดจนมีโอกาสได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้ยาวถึง 4 ซีซั่น หลังแล้วหลังจากนั้นเขาก็พัฒนาความสามารถตัวเองเรื่อยมา
และได้แสดงในผลงานเว็บดราม่าอีกรอบในผลงานเรื่อง Pop Out Boy! ก่อนจะฉีกกรอบชายหนุ่มน่ารักมาเป็นบท พัคซึงแท หัวโจกเด็กเกรียนที่ชอบกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นจากซีรีส์เรื่อง Taxi Driver ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก แล้วก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ส่วนผลงานที่เป็นที่เป็นที่พูดถึงรวมทั้งประทับจิตประทับใจผู้ชมเป็นอย่างมากก็น่าจะเป็นผลงานในเรื่อง Twenty Five Twenty One กับบทหนุ่มน้อยมัธยมปลายที่ใครต่อใครต่างเรียกตอบกันว่า เจ้าน่ารักห้องเจ็ด ด้วยหน้าตารวมทั้งลักษณะท่าทางที่สนุกสนานทำให้ใครหลายๆคนโดนตกกระทั่งต้องไปตามดูผลงานเก่า ๆ ของชเวฮยอนอุคกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเว็บดราม่าถือเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่แจ้งเกิดของนักแสดงหน้าใหม่ให้ได้โชว์ความสามารถทางการแสดง
และเป็นใบเบิกทางของการก้าวขึ้นสู่นักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้