

ชายหนุ่มหล่อฝีมือดี ดีกรีโปรดิวเซอร์แห่งวงการ K-POP อย่าง บีไอ (B.I) หรือ คิมฮันบิน ตระเตรียมบินลัดฟ้ากลับมามอบความสนุกให้กับเหล่าไอดีไทยอีกครั้ง! พร้อมประเดิมจัดทวีปเอเชียทัวร์ใน “ไทย” เป็นที่แรก ในงาน B.I 2023 ASIA TOUR “L.O.L THE HIDDEN STAGE” คอนเฟิร์มมาแน่ 4 มีนาคมนี้
โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม ทาง บีไอ (B.I) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
พร้อมปล่อยภาพโปสเตอร์เอเชียทัวร์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023
ซึ่งได้รับการการันตีทั้งหมด 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และก็ สิงคโปร์ เป็นลำดับ ดังนี้
4 มีนาคม – กรุงเทพฯ ประเทศไทย
5 มีนาคม – มะนิลา ฟิลิปปินส์
10 มีนาคม – จาการ์ตา อินโดนีเซีย
19 มีนาคม – สิงคโปร์
สำหรับงานในประเทศไทย ได้มีการเจาะจงวันและสถานที่จัดงาน
ว่างานจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวจากทางโซเชียลมีเดียของผู้จัด Four One One Entertainment (โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ซึ่งคาดว่าเนื้อหาต่าง ๆ จะถูกประกาศออกมาให้ได้รู้กันในเร็ว ๆ นี้
บีไอ ถือเป็นนักแสดง K-POP มากความสามารถ
ที่น่าจับตาดู อีกทั้งเจ้าตัวยังพิสูจน์ความถนัดต่าง ๆ กลุ่มนี้ ผ่านการโปรดิวซ์เพลงอันสะดุดตา และก็เคยเอารางวัล นักแต่งเพลงแห่งปีจากงาน Melon Music Awards 2018 ซึ่งนับเป็นเครื่องการันตีฝีมืออันยอดเยี่ยม ทั้งยังสไตล์การแร็ปและก็การขับร้องยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในปีที่ผ่านมา บีไอ ได้ปล่อยผลงานเพลง ‘BTBT’ ที่ฟีทเจอริ่งกับ Soulja Boy และ Devita แล้วก็ร่วมงานกับ ชู LOONA ในซิงเกิลคอลแลป ‘Lullaby’ ในโปรเจกต์พิเศษของ Dingo Music
ฟ้าหลังฝน! ย้อนรอยชีวิตเกือบจะดิ่งลงเหวของ B.I กับเส้นทางใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
วันที่ 9 มิถุนายน 2019 ข่าวร้ายข่าวเร่งด่วนตีแสกหน้าค่ายดังอย่าง YG กระเทือนศิลปินไอดอลวง iKON และก็ผ่าลงกลางศีรษะของ ‘B.I’ หรือ ‘Kim Hanbin’ หนึ่งในสมาชิกของวงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเนื้อหาในเนื้อหาที่สื่อ Dispatch นำเสนอกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานระบุว่าตัวบีไอนั้นเคยติดต่อขอซื้อยาเสพติดกับผู้ค้ายารายหนึ่งมาก่อนในช่วงปี 2016
มรสุมลูกใหญ่ในวัย 23 ปี
ระหว่างการสอบปากคำให้คำให้การแล้วก็อีกหลายกระบวนการฟ้องยุติธรรมที่เกิดขึ้น และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายกันไปใหญ่กว่านี้ ในวันที่ 12 มิถุนายน บีไอตัดสินใจยืดอกยอมรับในสิ่งที่ตัวเขากล่าวว่า “ไม่ได้ทำ” อย่างลูกผู้ชาย รวมทั้งกล่าวถึงอดีตของตัวเองด้วยความรู้สึกขมปากว่า “เป็นความจริงที่ผมเคยคิดจะพึ่งมันในตอนเวลานั้นที่ผมมีปัญหารวมทั้งเจ็บ แต่สุดท้ายแล้วผมก็กลัวและหวาดวิตกมากจึงไม่ได้ใช้มัน ผมทราบสึกละอายใจแล้วก็สำนึกผิดในการกระทำที่ผิดพลาด ผมก็เลยขอถอนตัวออกมาจากวงและต้องการจะขอโทษแฟน ๆ แล้วก็สมาชิกในวงจากใจจริง”
จุดเริ่มต้นของรอยร้าวในชีวิตเกิดขึ้นเพียงแค่ด้วยเหตุว่าความนึกคิดชั่ววูบในขณะนั้น บีไอคงจะหลงลืมไปว่า มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงตามมาให้ต้องเรียนผูกรวมทั้งเรียนแก้ด้วยตัวเอง
ด้วยความรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมวงและก็กลัวว่า ปัญหานี้จะกลายเป็นเครื่องฉุดรั้งให้วงต้องเสียชื่อเสียง และทำให้แฟนคลับอย่างไอคอนิกต้องผิดหวังที่เขาไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ บีไอเลือกหันหลังให้กับวงไอคอนรวมทั้งค่ายวายจี เขาหลบจากแสงสีถอยหลังเข้าสู่เงามืดอย่างรวดเร็วทันใจเพื่อจัดการปัญหาที่ยังคงคาราคาซังอยู่ ซึ่งถึงแม้ผลตรวจหาสารเสพติดจากทางสำนักงานอัยการและจากทางค่ายจะออกมาว่าเป็นลบ แม้วายจีเองก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่าเคารพการตัดสินใจการลาออกของไอดอลชายหนุ่มโดยไม่พยายามที่จะยื้อเขาไว้แต่อย่างใด
ถ้าเรื่องใหญ่ระดับผิดกฎหมายคำว่าขอโทษอาจจะไม่เพียงพอ ไฟไหม้ที่ว่าดันโหมกระพือกลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อมือดีชาวโซเชียลขุดรากถอนโคนเรื่องราวนี้ออกมาทั้งยวงพร้อมประจานไม่ยั้งว่าประธานค่าย ‘ยางฮยอนซอก’ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแบบเต็มประตู เมื่อย้อนไปปี 2016 ‘ฮันซอฮี’ หญิงสาวที่อ้างถึงว่าเป็นอดีตเด็กฝึกจากค่ายวายจีกลับคำให้การหลังการเข้าพบของบิ๊กบอสจากค่าย ว่าอันที่จริงแล้วบีไอไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายยาเสพติด ทำเอาใครผู้คนจำนวนมากวิพากษ์ไปว่านี่คงเป็นการปิดปากเพื่อไม่ให้เธอคนนั้นพูดถึงศิลปินในค่ายของเขาเสีย ๆ หาย ๆ บังเอิญกับที่ช่วงนั้นป๋ายางเองโดนกระแสลบตีกลับในหลายเรื่อง ทั้งการโดนกล่าวกล่าวหามีส่วนร่วมในกระบวนการค้าประเวณีร่วมกับศิลปินในค่ายอย่าง ‘ซึงรี’ ซึ่งขณะนี้ติดคุกไปแล้ว แล้วก็ไหนจะเรื่องคลับในย่านฮงแดที่เขาเป็นเจ้าของนั้นมีการสอบสวนเรื่องการเลี่ยงภาษีแล้วก็จดทะเบียนการค้าผิดรูปแบบ สุดท้ายต้องรับผิดชอบทั้งหมดด้วยการทิ้งเก้าอี้ผู้บริหารแล้วก็ลาออกไป ค่ายวายจีจึงก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยบรรยากาศที่ออกจะไม่ชัดเจน
ในวันที่ iKON ไม่มีเงาหัวหน้าวง
ถ้าไม่นับ Blackpink ที่ยังคงทำรายได้มหาศาลแล้วก็สร้างชื่อเสียงให้พุ่งทะยานไปถึงฝั่งตะวันตกแล้ว วงอื่นกลับถูกทิ้งจนถึงลืมตามฉายาที่ใคร ๆ ก็ชอบกล่าวว่า “วายจีชอบดองเด็กในสังกัด” ยิ่งไอคอนเองก็เรียกว่ารับศึกหนักแบบเต็ม ๆ เหมือนกัน ในวันที่วงไร้เงาหัวหน้าอย่างบีไอผู้เป็นเรี่ยวแรงมหาศาลที่ทำหน้าที่อีกทั้งแต่งเพลง เป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบท่าเต้น รวมทั้งร้องแร๊ปให้กับวง การดำเนินต่อของไอคอนก็เรียกว่าราวกับเป็นอัมพฤกษ์ไปตอนหนึ่ง แม้ช่วงต้นปี 2020 วงจะมีการคัมแบ๊กปล่อยเพลงออกมา
แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ได้อะไร ชาร์ตเพลงหล่นลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว เหตุเพราะว่าแฟนคลับส่วนหนึ่งทำใจไม่ได้ที่วงยังดึงดันใช้เพลงที่บีไอทำไว้ภายในการโปรโมต แม้ทางค่ายจะมีการปรับเปลี่ยนเมโลดี้และเนื้อเพลงบางส่วนแล้วก็ตาม และหากแม้ตัวบีไอจะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากวงไปแล้ว แต่แฟนคลับบางส่วนก็ยังไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นพากันหันหลังโบกมือลาวงไอคอนไปหลายคน
แต่แสงไฟมักปรากฏที่ปลายอุโมงค์เสมอ เมื่อค่ายยอมให้วงไปออกรายการแข่งอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความสามารถของอีก 6 ชายหนุ่มที่หลงเหลืออยู่อย่างวาไรตี้ ‘Kingdom’ รายการที่จับเอาวงบอยแบนด์หลายวงมาแข่งกันหายอดเยี่ยมไอดอลในตอนต้นปี 2021 และก็แม้วงจะชวดรางวัลที่หนึ่งไปแต่ก็พิสูจน์ให้แฟน ๆ และก็วงการเคป๊อปได้เห็นว่า ไอคอนมีเพลงดังมากมายที่ฝังอยู่ในใจทุกคน และก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นไอคอนแห่งเคป๊อปได้ในที่สุด ซึ่งหลังจากนี้แฟนคลับไอคอนิกคงต้องมาตามลุ้นกันต่อว่าทางของวงจะเดินไปในรูปแบบไหน เพราะล่าสุดอีกหนึ่งสมาชิกตำแหน่งร้องแร๊ปอย่าง ‘Bobby’ เองก็พึ่งจะประกาศข่าวดีเรื่องการแต่งงานรวมทั้งมีเบบี๋ตัวน้อยไปแล้วด้วย
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
ย้ายกลับมาที่บีไอเองหากแม้ดูเหมือนวิถีทางชีวิตจะขรุขระและเงียบหายไปจากวงการสักพัก ถ้าหากความรักในดนตรีและก็การร้องเพลงยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้กับเขาเสมอ บีไอยังคงขีดเขียนเพลงและปล่อยเดโม่ของตัวเองใน Soundcloud เป็นระยะ ๆ ถ้านอกจากไปกว่าข่าวเกี่ยวพันด้านลบที่เขาต้องเจอ บีไอกลับได้รับการเสนอชื่อให้นั่งแท่นเป็นกรรมการบริษัท IOK Company ขึ้นตรงต่อที่เต็มไปด้วยคนบันเทิงตั้งแต่นักร้อง นักแสดง แล้วก็พิธีกรอีกหลายสิบชีวิต นี่คือค่ายดังที่คนในประเทศรู้จักกันดีว่าชอบปัดกวาดคนบันเทิงที่มีความสามารถมานั่งแท่นบริหารองค์กรด้วยกันทั้งสิ้น แล้วก็แน่นอนว่าเขาตอบตกลงตำแหน่งนี้เพื่อเริ่มต้นอีกหนึ่งบทบาทของตน และเป็นการเปิดประตูก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องอีกครั้ง
ชีวิตบีไอไต่ขึ้นจากเหวลึกตามลำดับรวมทั้งฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจด้วยความสามารถรวมทั้งสองแขนของเขา ยังมีเพื่อนรุ่นพี่อย่างวง ‘Epik High’ ที่ยังคงมั่นใจและก็ชื่นชมในความสามารถของเขาได้เชิญชวนให้มาร่วมงานในเพลง ‘Acceptance Speech’ ที่ปล่อยออกไปในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2021 โดยไม่สนใจว่าจะมีกระแสตีกลับหรือไม่ เพราะศิลปินด้วยกันเองเข้าใจดีถึงความสามารถอันแพรวพราวของเขา ซึ่งบีไอนับว่าเป็นไอดอลแบบใหม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมในความสามารถจากการเป็นไอดอลคนแรกที่ชนะรางวัลแต่งเพลงเหมาะสมที่สุดจาก Melon Music Awards ในปี 2018 และก็ยังได้รับเครดิตในฐานะนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์อีกมากมายจากค่ายเก่าอย่างวายจีอีกด้วย
แล้วไม่นานนักเขาเดินหน้าปล่อยซิงเกิ้ล
อัลบั้ม ‘Midnight Blue (Love Streaming)’ เป็นอัลบั้มเพื่อการกุศลภายใต้ค่าย 131 Label ที่บีไอเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นสังกัดย่อยของ IOK Music กระแสของหนุ่มคนนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อ 3 เพลงในอัลบั้มบอกเล่าความหมายที่ลึกซึ้งแล้วก็ต้องการปลอบโยนความเมื่อยล้าล้าให้กับตัวเองและก็แฟน ๆ
เนื้อความที่จริงใจที่สุดส่งต่อถึงคนที่กำลังผ่านตอนเวลาที่ยากลำบาก สะท้อนความเข้าใจ รวมทั้งเข้าถึงผู้ฟังได้ลึกถึงก้นบึ้งของความคิด
ต่อด้วยการเชิญชวนศิลปินฝั่งตะวันตกอย่าง ‘Destiny Rogers’ และก็ ‘Tyla Yaweh’ มาร่วมงานในซิงเกิ้ลใหม่ แสงสว่างเริ่มสาดชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบีไอเดินหน้าปล่อยอัลบั้มเต็มทั้งหมด 12 เพลงในชื่อว่า ‘Waterfall’ ที่ยังขอแรงเพื่อนสนิทจากค่ายเก่าอย่างนักร้องพลังเสียง ‘Lee Hi’ และรุ่นพี่คนสนิทอย่าง ‘Tablo’ มาร่วมงานในอัลบั้มนี้อีกด้วย การกลับมาครั้งนี้บีไอเปลี่ยนไป เขาอ่อนโยนและสงบมากขึ้นยามออกกล้อง ถ้าหากความเป็นศิลปินอย่างสุดกำลังยังฉายชัดถึงแพชชั่นที่มี สไตล์เพลงที่เปลี่ยนไปมีการผสมผสานแนวป๊อปฟังสบาย รวมทั้งความเป็นโซลเข้ามาเติมเต็ม ถือเป็นการก้าวออกจากกรอบเพลงที่เรียกว่าเคป๊อปได้อย่างสิ้นเชิง
บทเรียนราคาแพงที่แลกเปลี่ยนมาด้วยแทบทุกอย่าง ชีวิต กิตติศัพท์ อนาคต และความฝัน สอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับบีไอแล้วเขาจึงไม่ใช่แค่ไอดอล แต่เขาคือตัวอย่างของชีวิตที่มีจังหวะขึ้นรวมทั้งลง ถ้าเกิดสิ่งที่สำคัญคือ ความฝันและความไม่ยอมแพ้ที่จะฉุดตัวเองขึ้นจากปากเหวได้อีกครั้ง อาจจะไม่จำเป็นว่าล้มเมื่อไหร่ แต่ลุกได้เร็วแค่ไหนคือคำตอบของการดำรงชีวิตต่างหาก รวมทั้งจากนี้พวกเรามั่นใจว่าทางชีวิตของเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นสู่ยอดเขาอีกที เพราะว่าไม่ว่าอย่างไรวงการเคป๊อปนี้ก็ยังต้องการคนเก่งอย่างผู้ชายที่ชื่อว่า “บีไอ” อยู่แล้ว